คำท้าจากบิ๊กตู่ กับวันเดินเข้าคูหา
คำท้าจากบิ๊กตู่ : แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอ่ยปากขอโทษในภายหลัง รีบขออภัยที่เผลอพูดถ้อยคำไม่ไพเราะ โดยบอกว่าเป็นเพียงแค่เผลอไผลเพราะอารมณ์ขึ้น แต่วันนี้ผู้คนทั่วไปก็ยังคงจดจำถ้อยคำอันดุเดือดนั้น “มึงมาไล่ ดูสิ” โดยยังไม่ได้เลือนหายไป
คงจะเป็นที่กล่าวขวัญกันไปอีกยาวนาน
ขณะเดียวกันเสียงจากนักการเมืองหลายพรรค โดยเฉพาะที่อยู่ขั้วตรงข้าม คสช.
ต่างเรียกร้องเป็นทำนองเดียวกันว่า ขอให้ประชาชนร่วมกันรับคำท้าทายนั้น ในวันเดินเข้าคูหาเลือกตั้ง 24 มีนาคม
เท่ากับเรียกร้องว่าให้เลือกพรรคการเมือง ฝ่ายตรงข้ามขั้วทหาร
ให้เลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อแสดงเจตนารมณ์ไม่รับพล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกฯ ต่อไป!
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น วันที่ 24 มีนาคมนั้น ยังมีอีก ขั้นตอน คือ ต้องรอการตอบรับเทียบเชิญจากพรรคพลังประชารัฐเสียก่อน
ตามที่พรรคพลังประชารัฐเข้ายื่นเชื้อเชิญให้พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้
พล.อ.ประยุทธ์ยังขอเวลาพิจารณา ทำนองว่ายังมีเวลาจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ อันเป็นวันสุดท้าย
เพราะฉะนั้นเมื่อถึงวันเส้นตายดังกล่าว แล้วถ้าประกาศตอบรับ เซ็นรับคำเชิญ!
นั่นก็เท่ากับ จะต้องไปตัดสินกันในวันที่ 24 มีนาคม ว่าคนส่วนใหญ่จะให้พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ต่อไปหรือไม่
หรือจะตอบรับคำท้า “มึงมาไล่ดูสิ” ด้วยการไปเลือกพรรคตรงข้ามอย่างถล่มทลาย
แต่ก็นั่นแหละ ต้องไม่ลืมว่า ยังมีปัจจัยอื่นนอกจากคะแนนเลือกตั้งโดยประชาชน
โดยแม้สุดท้าย สมมติว่าประชาชนเลือกพรรคอื่นๆ มากกว่าพรรคพลังประชารัฐก็ตาม
เสียงโหวตให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ยังมีพรรคส.ว.ที่เตรียมเอาไว้แล้ว 250 เสียงรอโหวตให้อยู่ ยังมีความได้เปรียบอยู่ถึง 250 เสียงตรงนี้แหละ
ดังที่เกิดสูตรดันบิ๊กตู่ว่า 250 ส.ว.บวกกับเสียงส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งเพียงอีก 126 เสียง ก็ชนะโหวตนายกฯ ได้แล้ว
โอกาสดูสดใสอย่างมาก
เพียงแต่ก่อนจะไปถึงวันนั้น ยังต้องรอวันตัดสินใจก่อนว่า จะตอบรับหรือไม่ตอบรับ คำเชิญของพลังประชารัฐ
จะไปต่อหรือตัดสินใจถอย
เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์คงต้องทบทวนขบคิดให้รอบคอบ ไม่มองแต่ด้านสวยหรูอย่างเดียว
จึงยังสรุปไม่ได้ว่า จะได้ตัดสินคำท้าทายมาไล่ดูสิในวันเดินเข้าคูหากันหรือไม่!?
วงค์ ตาวัน
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
