สงครามเพลง กับคะแนนเสียง

คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

สงครามเพลง กับคะแนนเสียง บรรดานักสังเกตการณ์สนามเลือกตั้งทุกสำนักชี้ตรงกันว่า ยิ่งเสียงเพลงหนักแผ่นดินดังกระหึ่มมากเท่าใด ก็หมายถึงคะแนนเสียงในหมู่ประชาชนก็ยิ่งเทมาทางคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และพรรคเพื่อไทยมากเท่านั้น

แล้วในทางกลับกัน พลังหนักๆ ของเพลงนี้ ก็ยังสะท้านสะเทือนคะแนนเสียงของฝ่ายพรรคขั้วคสช.ไปพร้อมๆ กันด้วย

ดังนั้นถ้ายังโหมเพลงหนักแผ่นดินนี้ต่อไป ก็คือช่วยเพิ่มคะแนนให้ขั้วตรงข้ามกับคสช.มากขึ้นไปเรื่อยๆ

ที่วิเคราะห์กันเช่นนี้ ไม่ได้เป็นการตีค่าของบทเพลงไปในทางเลวร้าย

แต่เพราะเป็นเพลงเก่าที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ไม่สอดคล้องเหมาะสมกับอารมณ์ความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ในยุคสมัยนี้

เพลงปลุกใจสไตล์ชาตินิยมนั้น

ในวันนี้ไม่มีทางเข้าถึงผู้คนได้เท่าเพลงแร็พประเทศกูมีแน่ๆ!

แต่คงไม่ได้แปลว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีสำนักรักชาติ แต่เพราะปัญหาที่คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกในวันนี้ เป็นเรื่องเสรีภาพและระบบอำนาจมากกว่า

จึงเป็นเหตุให้เพลงที่เสียดสีผู้มีอำนาจ สะท้อนความไม่เป็นธรรม เรียกหาสิทธิของประชาชน จึงได้รับความนิยมจนยังแรงไม่ตกถึงวันนี้

สังเกตได้ว่า หลังมีการงัดเพลงหนักแผ่นดินออกมาโต้ตอบการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย

ได้ถูกโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ หยิบกระแสเพลงประเทศกูมีออกมาโต้ตอบทันควัน

บอกว่าฟังเพลงประเทศกูมีหลายๆ รอบย่อมดีกว่า ไม่ใช่เพลงหนักแผ่นดินที่เชยไปแล้ว

กลายเป็น 2 เพลงที่มีการหยิบยกมาเปรียบเทียบกันจนเห็นภาพได้ชัด!

ส่วนที่มองกันว่า เพลงหนักแผ่นดินส่งผลเขย่าพรรคฝ่ายคสช.ไปด้วยนั้น

เพราะเป็นพรรคที่ชูพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

โดยวางยุทธศาสตร์ลึกล้ำ พยายามชูภาพ “ลุงตู่” ให้โดดเด่นเหนือกว่าภาพหัวหน้าคณะคสช.

แต่เมื่อเพลงหนักแผ่นดินและภาพของผู้นำกองทัพ เชื่อมโยงเข้ากับภาพพล.อ.ประยุทธ์

ภาพของลุงตู่ก็เลยพลอยเลือนไปด้วย

คงจะสร้างความปวดหัวให้กับฝ่ายวางกลยุทธ์หาเสียงของพรรคนี้อย่างมากทีเดียว

กองเชียร์กองหนุนพรรคนี้ คงต้องช่วยกันภาวนาให้กระแสหนักแผ่นดินๆๆ ซาลงไปเร็วที่สุด

ไม่งั้นที่จะทรุดก็คือคะแนนเสียงนั่นเอง!

โดย…วงค์ ตาวัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน