ปลุกเผาบ้านเผาเมือง กลายเป็นปลุกคดี 99 ศพ
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย วงค์ ตาวัน
ปลุกเผาบ้านเผาเมือง กลายเป็นปลุกคดี 99 ศพ – มีแกนนำม็อบนกหวีดเริ่มออกมาเคลื่อนไหวกัน มากขึ้น ในช่วงท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม โดยเน้นปลุกภาพการร่วมต่อสู้กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งเรียกกันว่ารัฐบาลขี้โกง ปลุกภาพความน่ากลัวของฝ่ายทักษิณ ก่อนลงเอยให้ช่วยกันสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อไป
มองในบรรยากาศของการเลือกตั้ง นี่เป็นเวทีที่เปิดกว้าง แกนนำนกหวีดก็สามารถออกมาเชียร์พรรคการเมืองที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดต นายกฯ ได้
ร่วมรณรงค์ให้ประชาชนมองเห็นข้อดีของพล.อ. ประยุทธ์ได้
แล้วไปตัดสินกันในวันเดินเข้าคูหากาบัตร ภายใต้ความเท่าเทียมกันของมนุษย์ 1 สิทธิ์ 1 เสียง เสมอภาค
แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมยุบสภา ให้เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557
เหตุใดแกนนำนกหวีดจึงไม่เลือกหนทางอันเป็นประชาธิปไตยถูกหลักสากลทั่วโลกยอมรับดังกล่าว!?
อีกทั้งกระแสประชาชนที่ออกมาร่วมเป่านกหวีดมีมากมาย ก็นำประชาชนเหล่านั้นไปเข้าคูหาลงคะแนนคว่ำพรรคเพื่อไทยอย่างถูกกติกาไปเลย
รวมทั้งให้เลือกพรรคตามแนวของตนเอง เช่น ประชาธิปัตย์ เพื่อมาปฏิรูปการเมือง
ถ้าเลือกหนทางนี้ รถถังก็ไม่ต้องออกมา ประเทศชาติจะไม่ล้าหลังถอยหลังถึงทุกวันนี้
เราต้องสูญเสียประชาธิปไตยไปหลายปี ประชาชนสิ้นอำนาจการเมืองในมือไปหลายปี กว่าจะได้ เลือกตั้งในปลายเดือนนี้
เมื่อแกนนำนกหวีดออกมารณรงค์ให้ช่วยกันเลือกพรรคที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นว่าที่นายกฯ
ก็ต้องยินดีที่เข้ามาสู่เวทีที่เป็นประชาธิปไตย ยอมรับหนทางที่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินการเมือง
ไม่ใช่เอาอำนาจการเมืองไปให้คณะคนหยิบมือเดียวตัดสินแทนคนทั้งประเทศ เหมือนที่ทำกันในปี 2557
แต่พอเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ ผู้คนก็อดไม่ได้จะคิดถึงการไม่ยอมเลือกหนทางเลือกตั้ง เพื่อปูทางให้มีรัฐประหารนั่นเอง
แล้วนึกถึงภาพม็อบที่ไปปิดล้อมการขนหีบบัตร ไปขวางคูหาเลือกตั้ง!
ไปคุกคามประชาชน ใช้กำลังผลักไส กระทั่งบีบคอ
จะส่งผลกระทบต่อบางพรรคเปล่าๆ
แล้วเมื่อไปปลุกภาพอีกฝ่ายเผาบ้านเผาเมือง ยิ่งทำให้ผู้คนนึกถึงอีกด้านคือคดี 99 ศพ ที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
เล่นปลุกกันอย่างนี้
เดี๋ยวจะเจาะภาคอีสานและเหนือไปช่วงชิงคะแนนกันไม่ได้เท่านั้นเอง!?!