ฝากบ้านไว้กับตำรวจ ป้องกันโจรแต่ไม่กันไฟ : ชกไม่มีมุม

โดย…วงค์ ตาวัน

ฝากบ้านไว้กับตำรวจ – เหตุการณ์ไฟไหม้ในอาคารห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองหลวง แม้ว่าจะไม่ได้สร้างความเสียหายวอดวายมากมายนัก แต่ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2 ราย จึงเป็นเหตุสะเทือนใจกันไม่น้อย

เพราะชีวิตคนย่อมมีค่ามากกว่าตัวตึก

ไม่ต่างจากเหตุการณ์สังหารทางการเมือง คนตายร่วมร้อย แต่กลับสร้างเรื่องเผาบ้านเผาเมืองให้ใหญ่โต ทั้งที่อาคารถูกเพลิงเผา เทียบไม่ได้กับชีวิตคนนับร้อย กลบเกลื่อนไม่ได้อย่างแน่นอน!?

อีกทั้งเหตุไฟไหม้ห้างใหญ่ล่าสุดดังกล่าว ยังให้บทเรียนเรื่องระบบท่อของโครงสร้างอาคาร

กรณีต้นเพลิงอยู่ใต้ดิน แต่เปลวไฟกลับไปสร้างความรุนแรงที่ชั้น 8 ได้

เรื่องของอัคคีภัยร้ายแรง จึงน่าจะเป็นเรื่องเตือนสติผู้คนในช่วงทิ้งบ้านเรือนออกท่องเที่ยวในเทศกาลสงกรานต์นี้ได้เป็นอย่างดี

แถมเป็นหน้าร้อนแล้งอีกด้วย เฉพาะอย่างยิ่งเดือนเมษายนนี้ ยิ่งร้อนมากที่สุดของฤดูร้อน!

ดังนั้นเรื่องฟืนไฟจึงประมาทไม่ได้

การป้องกันโจรผู้ร้าย ยังสามารถฝากบ้านไว้กับตำรวจได้ หากจะออกไปท่องเที่ยว

แต่ภัยจากไฟไหม้ คงจะฝากตำรวจไว้ลำบาก ยุคนี้หน่วยตำรวจดับเพลิงก็ไม่มีแล้วด้วย

การดูแลตรวจตราบ้านเรือนต้องถี่ถ้วน ทั้งระบบไฟฟ้าในบ้าน การจุดธูปเทียนหิ้งพระ ทำให้รอบคอบก่อนออกท่องเที่ยว

อย่าลืมว่า ตำรวจช่วยป้องกันทรัพย์สินจากอาชญากรได้เท่านั้น!

แถมคำโบราณก็เตือนไว้อย่างเห็นภาพ จนติดหูติดตากันอยู่แล้ว

โจรขึ้นบ้าน 10 ครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว

ขณะเดียวกัน คงต้องเรียกร้องไปถึงเจ้าของโรงแรม อาคารสูงที่มีผู้คนเข้าพักอาศัย มีนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ใช้บริการกันมาก

ระยะนี้คงต้องเข้มงวดระบบความปลอดภัยในด้านนี้ให้มากเป็นพิเศษ!!

สปริงเกลอร์ สัญญาณเตือนภัย ห้องอุปกรณ์สายไฟ ทางหนีไฟ ต้องพร้อม

เสริมด้วยเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยตรวจตราเป็นพิเศษ

ต้องไม่ลืมว่านี่คือช่วงฤดูร้อน สภาพอากาศอาจจะก่อให้เกิดภัยขึ้นมาได้

ช่วยกันดูแลให้ผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์อันควรจะสนุกสนานรื่นเริง ให้เรียบร้อยลุล่วงด้วยดี

ก่อนจะไปเผชิญกับบรรยากาศการเมืองเรื่องผลเลือกตั้งและการตั้งรัฐบาล ที่ร้อนระอุมากขึ้นทุกที!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน