รัฐบาลขั้วไหน อยู่ที่ 52 เสียงปชป.
โดย วงค์ ตาวัน
รัฐบาลขั้วไหน – แม้ว่าจำนวนส.ส.หลังกกต.รับรองผลและจัดการเกลี่ยปาร์ตี้ลิสต์สุดพิสดารเรียบร้อยแล้ว จะทำให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตย 7 พรรค มีจำนวนส.ส.หดหายลงไปเหลือ 245 เสียง ไม่ถึงครึ่งของสภาผู้แทนฯแล้วก็ตาม
แต่ขั้วฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังมีตัวเลขที่ยังไม่ชัดเจนอยู่ดีว่า เกินกว่า 250 เสียงหรือไม่
เพราะวันนี้ยังไม่มีใครสามารถสรุปได้ชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมฝ่ายไหน จะเข้าฝ่ายพลังประชารัฐ หรือขอเป็นฝ่ายค้านอิสระ
52 เสียงของประชาธิปัตย์ ยังเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปภายในพรรคที่ชัดเจน
โดยต้องรอการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้เสร็จสิ้นก่อน
ที่สำคัญ ผู้เสนอตัวเข้าชิงตำแหน่งผู้นำประชาธิปัตย์คนใหม่ ที่เปิดตัวออกมาแล้ว 3-4 รายนั้น
มีจุดยืนที่ต่างกัน เป็นคนละขั้วอย่างแน่นอน!!
บ้างก็ได้รับการผลักดันจากซีกกปปส.ในพรรค โดยเปลี่ยนตัวเล่นใหม่ หน้าใหม่
บ้างก็เป็นสายตรงเชื่อมโยงถึงบิ๊กในคสช.
รวมทั้งมาจากฐานดั้งเดิมภาคใต้ มีผู้อาวุโสที่ ทรงอิทธิพลทางความคิดสนับสนุนอยู่
ดังนั้น การได้ตัวหัวหน้าพรรคใหม่จึงเป็นประเด็นสำคัญ
จะเป็นจุดชี้ขาดได้ว่า ประชาธิปัตย์จะเดินทางไหนแน่!?
ถ้าไม่ใช่ซีกนกหวีด ก็แปลว่าโอกาสที่ประชาธิปัตย์จะไม่เข้าร่วมกับพลังประชารัฐก็มีอยู่สูง หรือถ้าไปร่วมก็ไม่ได้ไปทั้ง 52 ส.ส.
แต่แน่นอนว่า ระหว่างนี้การเดินเกมเจรจาจากแกนนำ จัดตั้งรัฐบาลกำลังเดินหน้าเต็มสูบ โดยประชาธิปัตย์เป็น เป้าหมายสำคัญ
เพียงแต่ก่อนจะไปตกลงสรุปข้อต่อรอง ต้องไม่ลืมว่า ที่เจรจาอยู่นั้นเป็นขั้วไหน และจะได้เสียงไปเท่าไหร่แน่
กำลังเจรจากับตัวจริงเสียงจริงหรือไม่ คงต้องตรวจสอบกันให้ถ่องแท้แน่นอน!
กล่าวได้ว่า สถานการณ์การตั้งรัฐบาลถึงเวลานี้ ยังบอกไม่ได้ว่า ขั้วไหนเหนือกว่าใคร
โอกาสของขั้วประชาธิปไตยก็ยังมีอยู่ จากฐาน 245 เสียงขณะนี้ ถ้าผนวกกับฝ่ายค้านอิสระ ก็มีสิทธิ์เหนือกว่าได้
โอกาสของขั้วพลังประชารัฐก็ไม่ต่างกัน โดยต้องอาศัยพรรคส.ว.250 เสียงเต็มๆ รวมกับพรรคขนาดกลางและพรรคเล็กพรรคน้อยที่ได้รับแจกเก้าอี้ทั้งที่มีเสียง 3-4 หมื่น
แต่ก็จะกลายเป็นรัฐบาลผสมประมาณ 20 พรรค บวกพรรคงูเห่าเข้าไปอีก
จึงทำให้เกิดข้อสรุปที่ว่า ตั้งรัฐบาลเสร็จก็เตรียมตัวเลือกตั้งกันใหม่ได้เลย!!