ทบทวนพฤษภา35 อย่าปิดกั้นระบบรัฐสภา : ชกไม่มีมุม
แต่ผ่านมาแล้ว 27 ปี ในวันนี้วิถีทางการต่อสู้เพื่อผลักดันให้ประชาธิปไตยพัฒนาก้าวหน้า ผู้คนยังมีความหวังกับหนทางรัฐสภา
โดยพรรคการเมืองที่เรียกว่าขั้วฝ่ายประชาธิปไตย แสดงจุดยืนชัดเจนใน 2 ประเด็นนี้
ยังคงเคลื่อนไหวรวมเสียงส.ส.และพรรคต่างๆ เพื่อหยุดยั้งการอยู่ในอำนาจต่อไปของคณะคสช.
รวมถึงการเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่เขียนโดยฝ่ายแนวคิดอนุรักษนิยมทางการเมือง ต้องการถอยการเมืองไทยให้กลับไปเหมือน 30-40 ปีก่อน
ต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องฉุดรั้งการพัฒนาก้าวหน้า
ที่อ้างว่าเราควรมีประชาธิปไตยแบบไทยๆ ตามเอกลักษณ์ของสังคมไทย
จริงๆ ก็คือ ไม่ต้องการให้มีประชาธิปไตยเต็มใบ เอาแค่ครึ่งใบพอ
สถานการณ์การเมืองในวันนี้ ยังเป็นช่วงที่ต่อสู้กันว่า ขั้วไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล
ยังพลิกไปพลิกมา ไม่ชัดเจนเด็ดขาด!
เพียงแต่ยิ่งสู้ไปก็ยิ่งเห็นการใช้กลไกและกระบวนการ ซึ่งส่งผลให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยยิ่งยากลำบาก
เสียงเริ่มหดหายไป ถูกเด็ดปีก
รวมทั้งเกิดกระบวนการแทรกแซงสร้างงูเห่า
กระทั่งอาจทำกันถึงขั้นทำให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่เป็นความหวังของประชาชนและคนรุ่นใหม่ ไม่สามารถ เดินเข้าสภาได้!!
ช่างพอดิบพอดีที่วาระการรำลึกถึงพฤษภาทมิฬ ย้อนมาถึงฝ่ายกุมอำนาจรัฐ นักรัฐประหาร ก็ควรจะเอาเรื่องราวปี 2535 มานั่งย้อนทบทวนตัวเองด้วย
ผู้คนกำลังมีความหวังกับแนวทางพรรคการเมืองและระบบรัฐสภา
เป็นเรื่องที่ดี สังคมไทยเราไม่ควรหันกลับไปลุกฮือกัน ต่อสู้แล้วลงเอยด้วยเลือดนองท้องถนนอีก
แนวทางรัฐสภาและสันติวิธี เป็นทิศทางที่ต้องสนับสนุน
อย่าทำให้ประชาชนคนไทยหมดหวังในแนวทางนี้เป็นดีที่สุด!