ทบทวนพฤษภา35 อย่าปิดกั้นระบบรัฐสภา : ชกไม่มีมุม

จุดสำคัญของการนำเอาเหตุการณ์นองเลือดพฤษภาคม 2535 มาย้อนรำลึกกันในวันนี้ เพราะสิ่งที่ประชาชนคนไทยยอมเสียเลือดเนื้อชีวิตในเหตุรุนแรงเมื่อ 27 ปีที่แล้ว จนทำให้รัฐบาลที่มีหัวหน้าคณะรัฐประหารรสช.เป็นนายกฯ ต้องยอมลาออกพ้นไปจากอำนาจ รวมทั้งได้ข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีมาจากส.ส.ที่ผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชนเท่านั้น
ที่นำมาทบทวนกันในวันนี้ เพราะการเมืองไทยในยุคปัจจุบั มันถอยหลังย้อนยุคไปก่อนเหตุการณ์ 17 พฤษภาคม 2535 เสียอีก
ถอยหลังไปทั้ง 2 ประเด็นใหญ่ๆ นั่นแหละ!!

แต่ผ่านมาแล้ว 27 ปี ในวันนี้วิถีทางการต่อสู้เพื่อผลักดันให้ประชาธิปไตยพัฒนาก้าวหน้า ผู้คนยังมีความหวังกับหนทางรัฐสภา

โดยพรรคการเมืองที่เรียกว่าขั้วฝ่ายประชาธิปไตย แสดงจุดยืนชัดเจนใน 2 ประเด็นนี้

ยังคงเคลื่อนไหวรวมเสียงส.ส.และพรรคต่างๆ เพื่อหยุดยั้งการอยู่ในอำนาจต่อไปของคณะคสช.

รวมถึงการเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่เขียนโดยฝ่ายแนวคิดอนุรักษนิยมทางการเมือง ต้องการถอยการเมืองไทยให้กลับไปเหมือน 30-40 ปีก่อน

ต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องฉุดรั้งการพัฒนาก้าวหน้า

ที่อ้างว่าเราควรมีประชาธิปไตยแบบไทยๆ ตามเอกลักษณ์ของสังคมไทย

จริงๆ ก็คือ ไม่ต้องการให้มีประชาธิปไตยเต็มใบ เอาแค่ครึ่งใบพอ

สถานการณ์การเมืองในวันนี้ ยังเป็นช่วงที่ต่อสู้กันว่า ขั้วไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล

ยังพลิกไปพลิกมา ไม่ชัดเจนเด็ดขาด!

เพียงแต่ยิ่งสู้ไปก็ยิ่งเห็นการใช้กลไกและกระบวนการ ซึ่งส่งผลให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยยิ่งยากลำบาก

เสียงเริ่มหดหายไป ถูกเด็ดปีก

รวมทั้งเกิดกระบวนการแทรกแซงสร้างงูเห่า

กระทั่งอาจทำกันถึงขั้นทำให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่เป็นความหวังของประชาชนและคนรุ่นใหม่ ไม่สามารถ เดินเข้าสภาได้!!

ช่างพอดิบพอดีที่วาระการรำลึกถึงพฤษภาทมิฬ ย้อนมาถึงฝ่ายกุมอำนาจรัฐ นักรัฐประหาร ก็ควรจะเอาเรื่องราวปี 2535 มานั่งย้อนทบทวนตัวเองด้วย

ผู้คนกำลังมีความหวังกับแนวทางพรรคการเมืองและระบบรัฐสภา

เป็นเรื่องที่ดี สังคมไทยเราไม่ควรหันกลับไปลุกฮือกัน ต่อสู้แล้วลงเอยด้วยเลือดนองท้องถนนอีก

แนวทางรัฐสภาและสันติวิธี เป็นทิศทางที่ต้องสนับสนุน

อย่าทำให้ประชาชนคนไทยหมดหวังในแนวทางนี้เป็นดีที่สุด!

โดย วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน