เพราะมีพรรคส.ว. จึงเหนือกว่าทุกพรรค

คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

โดย วงค์ ตาวัน

เพราะมีพรรคส.ว. – เสียงจากพรรคพลังประชารัฐ ที่เริ่มแข็งกร้าวมากขึ้น ทำนองว่าถ้าเจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ ถ้าการจับขั้วตั้งรัฐบาลยังคุยกันไม่จบ ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล ไปโหวตตั้งนายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเพราะมีเสียงส.ว. 250 เสียงพร้อมอยู่แล้ว

แค่เติมเสียงส.ส.อีกเพียง 126 เสียงเท่านั้น ส่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯได้อีกสมัยในทันที

เมื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เท่ากับพลังประชารัฐมีฐานะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเต็มเปี่ยม

แล้วถ้าคุยกับพรรคร่วมได้ยากเย็น ลงเอยก็เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภา

ถ้ามีปัญหาหลังจากนั้นก็ยุบสภา เพื่อเลือกตั้งกันใหม่ไปเลย!

แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงตามมาจากพรรคการเมือง อื่นๆ ไปจนถึงผู้คนในสังคม จนทำให้แกนนำพลังประชารัฐต้องออกมาชี้แจงว่า เป็นการเสนอข่าวที่รวบรัดตัดความมากเกินไป

ปฏิเสธว่า ไม่ได้มีเจตนาจะข่มขู่เรื่องการยุบสภาแต่อย่างใด!?!

แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ขั้นตอนที่เป็นข่าวมาทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องเกินเลย เชื่อว่าพลังประชารัฐอาจจะเดินหมากแบบนี้ก็ได้

ประการแรก การพูดถึงการยุบสภานั้น ย่อมทำให้ส.ส.ในทุกพรรค หวาดผวา

เพราะเพิ่งเลือกตั้งมาได้ไม่กี่เดือน จะต้องไปเลือกใหม่ภายในเวลาไม่ถึงปี คงไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้น

ประการต่อมา การชิงตั้งนายกรัฐมนตรีก่อน ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป

เพราะพลังประชารัฐ มีพรรคคู่แฝดคือ “พรรคส.ว. 250 เสียง” พร้อมอยู่แล้ว!!

จากนั้นถ้าจำเป็นต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยจริงๆ ก็สามารถทำได้ บริหารประเทศไปถึงช่วงปลายปี พอมีเรื่องใหญ่ที่ต้องโหวตในสภาผู้แทนฯ ก็ชิงยุบสภาได้

เพราะเมื่อเลือกตั้งใหม่ ก็ได้เปรียบเรื่องตำแหน่งนายกฯ

เนื่องจากบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับดีไซน์มาเพื่อพวกเรานั้น กำหนดให้พรรค 250 ส.ว. มีอายุถึง 5 ปี

พร้อมจะโหวตให้นายกฯของพลังประชารัฐได้อีกหลายรอบ!

ดังนั้นถ้ายังไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้

ถ้าส.ส.ยังไม่พร้อมใจรวมตัวกันให้ได้เสียงเกิน 375 เพื่อหยุดหรือปิดสวิตช์ส.ว.

พลังประชารัฐก็เหนือกว่าวันยังค่ำ ยัง “ขี่” พรรคอื่นๆ ได้ต่อไป

จนวันนี้เริ่มวิจารณ์กันถึงคำพูดที่ว่า …คุยกันไม่รู้เรื่อง ก็ตั้งนายกฯก่อน ไม่งั้นก็ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไปเลย

เป็นระดับเดียวกับวาทะลือลั่นในอดีต ที่ว่า “สุไม่เอาก็ให้เต้” เลยทีเดียว!