ไฟใต้ลามกรุง เป้าคือประชุมอาเซียน
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามพยานหลักฐาน บ่งชี้ตัวผู้ก่อเหตุระเบิดนับสิบจุดทั่ว กทม.และปริมณฑลได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งควบคุมตัวผู้ร่วมก่อเหตุได้ทันควัน 2 ราย ขณะนั่งรถทัวร์ลงไปยังพื้นที่ภาคใต้ จากนั้นทยอยจับเพิ่มได้อีก 3-4 ราย
ล็อกกันคาด่าน ขณะกำลังเดินทางข้ามชายแดนภาคใต้ออกไป
รูปคดีถึงขณะนี้ทุกอย่างกระจ่างชัดว่า เป็นขบวนการไฟใต้ เดินทางจากพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ ขึ้นไปก่อเหตุทั่วกทม.
เป้าหมายน่าจะชัดเจนว่า จงใจจะสร้างความปั่นป่วน ในระหว่างที่มีการจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอยู่ในเมืองกรุง
ทั้งเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทย
และเพื่อเรียกร้องให้นานาชาติหันมาเห็นปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้!
ส่วนที่ผู้มีอำนาจพยายามพูดจาให้โยงไปหาการเมือง แต่ครั้นความจริงปรากฏชัดว่าเป็นเรื่องชายแดนใต้ ก็พยายามเฉไฉต่อไปว่า คงมีฝ่ายการเมืองว่าจ้างให้มาก่อเหตุ
ไม่ว่าจะสร้างกระแสกันอย่างไร ทุกฝ่ายคงรู้อยู่แก่ใจดีว่า ก็คือปัญหาไฟใต้นั่นแหละ
ต้นเหตุที่แท้จริงมาจากเรื่องไหน ก็ต้องไปหาทางแก้ไขเรื่องนั้นให้ได้
ทั้งหลายทั้งปวง ต้องยอมรับว่าการทำงานของตำรวจ ที่ยึดตามพยานหลักฐานที่เป็นจริงจากที่เกิดเหตุ จะทำให้ทั้งสังคมมีความเชื่อมั่นได้มากขึ้น
การใส่ร้ายด้วยอคติทางการเมืองก็ทำได้ยากไปด้วย
คงต้องให้เครดิตกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.
รวมทั้งคณะทำงาน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พล.ต.ท. รณศิลป์ ภู่สาระ
พร้อมทั้งทีมงานชุดสืบสวนของนครบาล ภูธรภาค 1 สันติบาล และตำรวจ สตม.ที่คุมด่านชายแดน
ขณะเดียวกัน แม้ว่าในด้านการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอาจจะยากเย็น
แต่อย่างน้อยเมื่อเกิดเหตุ แล้วตามจับได้ทันทีทันใด ไม่ปล่อยให้ลอยนวลและอึมครึม!
ด้วยประสิทธิภาพงานสืบสวนของตำรวจ ด้วยความพร้อมของกล้องวงจรปิดที่เป็นหูตาสับปะรด
คงทำให้ผู้ก่อเหตุต้องคิดหนัก ไม่ใช่อยากจะทำอีก ก็บุกมาก่อเหตุได้ง่ายๆ อีก
แต่ถึงที่สุดแล้ว การสืบจับคือปลายเหตุ
ต้องไปแก้กันที่ต้นเหตุ ก็คือนโยบายของรัฐบาล ต่อปัญหาความขัดแย้งรุนแรงไฟใต้นั่นเอง
ความขัดแย้ง ความเป็นธรรม ความคิดอุดมการณ์ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะไปจ้างวานได้หรอก!