ไฟใต้ขยายแนวใหม่ รัฐต้องทบทวนปรับแก้
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
ไฟใต้ขยายแนวใหม่ – มีหลักฐานที่ชัดเจน จากปลอกกระสุนของกลุ่มคนร้ายคดีปล้นทองกลางตลาดนาทวี จ.สงขลา เมื่อตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ พบว่าตรงกับ ที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ไฟใต้มาแล้ว เมื่อประกอบกับ พฤติกรรมอื่นๆ ทำให้ข้อสันนิษฐานว่า การปล้นทองครั้งประวัติการณ์หนนี้ เป็นฝีมือขบวนการไฟใต้ ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
ที่น่าสนใจติดตามต่อไปก็คือ ทองหนักถึง 2,400 บาท หรือเท่ากับ 85 ล้านบาทนี้จะนำไปสู่อะไร!?
แน่นอนว่า ต้องนำไปเพื่อเป็นทุนในปฏิบัติการต่อๆไป
แต่เป้าหมายของการปล้นร้านทองครั้งนี้ เพียงเพื่อต้องการเงิน หรือเพื่อต้องการขยายแนวทำงาน สร้างความปั่นป่วนต่อเศรษฐกิจการค้าขายในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้
เป็นเรื่องที่หน่วยงานความมั่นคงต้องตรวจสอบเพื่อ มีข้อสรุป
แต่ที่แน่ๆ ถือเป็นปฏิบัติการแนวใหม่ ที่ แสดงให้เห็นว่าขบวนการก่อความไม่สงบกำลังขยายแนวรบเพิ่มมากขึ้น!
เหมือนกับกรณีเมื่อสิงหาคมปี 2559 ขึ้นมาวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน
และเมื่อสิงหาคมปีนี้เอง ขึ้นมาวางระเบิดกว่าสิบจุด ทั่วกทม. และปริมณฑล
เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ต้องทบทวนนโยบายแก้ไฟใต้อย่างจริงจังแล้ว
แม้ว่าจะมีวิธีการออกข่าวโยนใส่นักการเมือง ขั้วตรงข้ามว่าเป็นผู้บงการกลุ่มจาก 3 จังหวัดใต้!?
แต่นั่นก็คือ การหวังผลทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ก็แค่ส่งผลทำให้กองเชียร์ กองหนุนรัฐบาล พวกมากอคติ พลอยเชื่อตามไปได้เท่านั้น
ซึ่งไม่ได้มีผลต่อการแก้ปัญหาอย่างถูกจุด ถูกเรื่อง!
เพราะข้อเท็จจริงรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ระเบิดทั่วกรุงนั้น ไฟใต้ล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับการเมืองขั้วไหน
ก่อนหน้านี้ลามถึง 7 จังหวัดใต้ตอนบนแล้ว และ ตอนนี้ลามถึงกทม.เรียบร้อยแล้ว
คงต้องยอมรับความจริงว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาในยุครัฐบาลคสช.นั้น แนวทางของรัฐ ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพมากกว่าทางอื่น
คำว่าการเมืองนำการทหาร การพัฒนานำการปราบปราม คงลดน้อยถอยลงไป!
แต่เท่ากับละเลยบทเรียนในอดีต ทั้งสงครามคอมมิวนิสต์ หรือสงครามก่อการร้ายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ที่มีบทสรุปไปแล้วว่า สงครามเรื่องความไม่เป็นธรรม ความคิดอุดมการณ์นั้น ยิ่งปราบปราม ก่อการร้ายยิ่งโต
เช่นกรณีขยายถึง 7 จังหวัดใต้ตอนบนก็เกิด ในยุครัฐบาลคสช.
คงต้องรีบกลับมาสรุปทบทวนใหม่ หันกลับสู่แนวทางสันตินำการปราบ
เอา 66/2523 ที่เคยทำได้ มาศึกษาปรับใช้ เป็นดีที่สุด!