ยิ่งแจ้งจับ-ยิ่งไปไกล แก้รธน.กับไฟใต้

คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

ยิ่งแจ้งจับ-ยิ่งไปไกล ความหวั่นไหวของฝ่ายความมั่นคงในยุครัฐบาล ที่มี “พลเอก” เป็นนายกฯ นำไปสู่การแจ้งจับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน นักวิชาการ บนเวทีเสวนาแก้รัฐธรรมนูญที่ปัตตานี

น่าจะมาจากพื้นฐานเดิม ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ของ 3 จังหวัดใต้ ลงมติไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เมื่อ 7 สิงหาคม 2559

เสียงของชาวบ้านที่โหวตไม่รับ มากกว่ารับ ชัดเจนทั้งปัตตานี ยะลา นราธิวาส

แถมคนในกลุ่มหัวรุนแรง ยังบุกขึ้นมาวางระเบิดทั่ว 7 จังหวัดใต้ตอนบน เมื่อ 11-12 สิงหาคม 2559

เป็นการประท้วงรัฐธรรมนูญในประเด็นศาสนา โดยกลุ่มก่อความไม่สงบล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับนักการเมือง ตามที่ฝ่ายรัฐพยายามบิดเบน!

ที่ยืนยันประเด็นนี้แน่นอนคือคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่49/2559 เรื่องมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆ ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2559 ออกมาหลังระเบิด 10 วัน เพื่อแก้สาระในรัฐธรรมนูญโดยตรง

ดังนั้น พื้นฐานของคนใน 3 จังหวัดที่ปฏิเสธรัฐธรรมนูญนี้อยู่แล้วนี่เอง

จึงมีความหวาดผวา เมื่อเวทีพรรคฝ่ายค้านมาเยือนพื้นที่นี้

จุดประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไฟใต้

นักวิชาการ ยืนยันบนเวทีว่า การใช้อำนาจของฝ่ายความมั่นคง มีสถิติบ่งชี้ว่า ยิ่งเกิดความรุนแรง

ควรต้องใช้ประชาธิปไตย เข้ามาแก้ไข จะทำให้เกิดความสงบได้!!

ประชาธิปไตยคือ ยอมรับความหลากหลาย เคารพความแตกต่าง ไม่ใช่มุ่งแนวทางชาตินิยมสุดโต่ง

รวมทั้ง ต้องเลิกใช้กฎหมายพิเศษ และต้องใช้การปกครองลักษณะพิเศษ ซึ่งทั่วโลกก็ใช้ ไม่ใช่การแยกดินแดน

อีกทั้งการเปิดเวทีสัญจรดังกล่าว เป้าหมายของฝ่ายค้าน เป็นการระดมประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วม

เมื่อพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ในชายแดนใต้ แสดงออกในวันลงประชามติชัดเจน

เลยยิ่งทำให้ฝ่ายที่มีอำนาจด้วยรัฐธรรมนูญซึ่งดีไซน์มาเพื่อพวกเขา ยิ่งหนาวๆ ร้อนๆ

เอาทีมงานพรรคพลังประชารัฐ ออกมาสกัดอย่างเกรี้ยวกราดก็หยุดกระแสฝ่ายค้านไม่อยู่

โดยเฉพาะกระแสใน 3 จังหวัดใต้

ถัดมากอ.รมน.ต้องมาเอง ด้วยมาตรการแจ้งจับดำเนินคดี

แต่คิดดูให้ดี ยิ่งเป็นการเพิ่มความเผ็ดมันให้กับเวทีแก้รัฐธรรมนูญของฝ่ายค้าน

ตอนนี้ชาวบ้านเลยยิ่งสนใจการสัญจรแก้รัฐธรรมนูญเข้าไปใหญ่!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน