คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
มีบทสรุปจากตำรวจ ภายหลังเสร็จสิ้นเทศกาลสงกรานต์ลงแล้ว โดยพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.ปป. ที่ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้เข้ามาดูแลโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ซึ่งงวดนี้มีปรับเปลี่ยนชื่อจนยาวเฟื้อยให้สอดคล้องกับยุคประชารัฐ
เพิ่งแถลงผลการดูแลบ้านเรือนของประชาชนที่ฝากไว้กับตำรวจ รวมไปถึงบทสรุปการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมช่วงสงกรานต์
พบว่าสงกรานต์ปีนี้ มีผู้เข้าร่วมโครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชน ระหว่างวันที่ 12-18 เมษายน จำนวน 5,812 หลัง
บช.น.มียอดฝากสูงสุด 1,456 หลัง รองลงมาคือบช.ภ. 1 จำนวน 1,233 หลัง และบช.ภ.3 จำนวน 722 หลัง
ล่าสุดมีประชาชนขอรับบ้านคืนแล้ว 4,777 หลัง เหลืออีก 868 หลังที่คาดว่าจะคืนเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้
ทุกหลังเรียบร้อยปลอดภัย!
โดยในปีนี้มียอดฝากบ้านน้อยกว่าปี 2559 ถึง 1,292 หลัง สาเหตุที่ยอดฝากลดน้อยลง เนื่องจากระยะเวลา ในการรับฝากบ้านปีนี้น้อยกว่าคือ 7 วัน ขณะที่ปี 2559 มีระยะเวลาฝากบ้าน 13 วัน
ประกอบกับปีนี้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มมากขึ้น ช่วยเป็นหูเป็นตาแทนตำรวจ
นอกจากนี้พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ยังโชว์ผลความสำเร็จ ของโครงการเพื่อนบ้านเตือนภัย ซึ่งเปิดให้สมัครใช้แอพพลิเคชั่น Police I Lert U เชื่อมกับระบบศูนย์แจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน 191
ผลก็คือ ในช่วงวันที่ 8-17 เมษายน มีการดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่น กว่า 1.4 หมื่นดาวน์โหลด
ทำให้ปัจจุบันมียอดการดาวน์โหลดกว่า 1 แสนแล้ว
ถือเป็นเรื่องดี ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีทันสมัย อีกทั้ง เป็นระบบที่เข้าถึงมือของประชาชนทุกคนอยู่แล้ว
นำมาใช้ในเรื่องป้องกันภัยโจรผู้ร้าย ถือว่าถูกทิศทางเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันภาพความรุนแรงของสงกรานต์ปีนี้ ดังที่ปรากฏเป็นคลิปข่าวโด่งดัง คือการทะเลาะวิวาทตีกันนัวเนีย แถมมีการใช้ปืนเข้ามาด้วย
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ระบุถึงคดีเหล่านี้ว่า มีทั้งสิ้น 11 คดี
ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุยิงกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อช่วงดึกวันที่ 16 เมษายน ในงานสงกรานต์วันไหล อ.ขลุง จ.จันทบุรี ได้ 7 คน
จากนี้ ที่ตำรวจยังจะต้องทำงานหนักในการดูแลความสงบต่อไป
ด้วยยังมีเทศกาลสงกรานต์พระประแดง ระหว่างวันที่ 21-23 เมษายนนี้
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ เป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นใน ทุกเทศกาลหยุดยาว
เป็นโครงการที่ให้ชาวบ้านออกเดินทางท่องเที่ยวสบายใจ กลับมาบ้านก็ปลอดภัยทุกปี
แต่บังเอิญสงกรานต์ปีนี้มีเรื่องดังกว่า เพราะแม้บ้าน ไม่หาย แต่มีเหตุหมุดหาย
คิดแล้วก็น่าเสียดาย ที่ลืมฝาก”หมุด” ไว้กับตำรวจ อีกอย่างหนึ่ง!
