รายได้อุทยานลดลง ต้องตรวจสอบให้ชัด
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว รวมทั้งกำลังจะย่างเข้าธันวาคม เป็นเดือนแห่งเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผู้คนจะเริ่มเดินทางท่องเที่ยวกันอย่างขนานใหญ่ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่ธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม สภาพอากาศเย็นสบาย ซึ่งอันที่จริงเริ่มเที่ยวกันตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ปลายเดือน พฤศจิกายนนี้แล้ว
กำลังอยู่ในบรรยากาศท่องเที่ยว กลับมาเจอข่าวน่าแปลกใจ
รายได้ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประจำปีงบประมาณ 2562 นี้ ลดน้อยลงกว่าปีที่แล้วถึงประมาณ 500 ล้านบาท
แถมขัดแย้งกับตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวตามอุทยานต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 1 ล้านคน
ก็น่าประหลาดใจจริงๆ จำนวนคนเข้าเที่ยวอุทยานเพิ่มขึ้น แต่รายได้กลับสวนทาง!
เป็นตัวเลขจากการสรุปของกรมอุทยานแห่งชาติเองที่ระบุว่า
ยอดการจัดเก็บเงินรายได้จากอุทยาน 153 แห่ง เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 2,258,640,109 บาท
ขณะที่ในปีงบประมาณ 2561 มียอดการจัดเก็บเงินรายได้จากอุทยาน 131 แห่ง เป็นเงินจำนวน 2,708,489,690 บาท
เท่ากับยอดการจัดเก็บเงินรายได้ลดลงจำนวน 449,849,581 บาท
เป็นความขัดแย้ง เป็นตัวเลขสวนทางกันที่ต้องตรวจสอบหาความจริง
สำหรับอุทยานยอดนิยมอันดับต้นๆ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวเกินกว่าแห่งละ 1 ล้านคน หรือเกือบๆ 1 ล้านคน ได้แก่ อุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อุทยานเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ถ้ำหลวงนางนอน จ.เชียงราย อุทยานเขาใหญ่ อุทยานเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี อุทยานอ่าวพังงา อุทยานดอยอินทนนท์
ตรงไหนจุดไหนรายได้ลดลงอย่างผิดปกติก็ต้องไปตรวจสอบกัน!
ตามคำชี้แจงของนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ บอกว่า จุดสำคัญคือ อุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะ พีพี กระบี่ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สูงสุดของกรมอุทยานฯ และเป็น จุดที่รายได้ลดลงอย่างมาก เพราะการปิดอ่าวมาหยา ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวสถานที่อื่นแทน
รวมทั้งพยายามยืนยันว่า ตัวเลขรายได้จากอุทยานต่างๆ นั้น เป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตัวเลขที่ลดลงก็สามารถอธิบายได้หมด
ฟังดูคำชี้แจงก็มีเหตุผล มีที่มาที่ไป แต่เพียงแค่นี้ก็ไม่น่าจะเป็นข้อสรุปได้ทั้งหมด
เห็นทีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควรจะสั่งการให้ตรวจสอบค้นหาความจริงให้ชัดเจนกว่านี้!
อุทยานมีมากมายถึง 100 กว่าแห่ง และที่ทำรายได้มากๆ ก็มีกว่าสิบแห่ง
จะมีจุดรั่วไหลอื่นใดหรือไม่
หรือเป็นปัญหาด้านประสิทธิภาพการจัดเก็บ จนทำให้รายได้ลดลงหรือไม่!?
ถ้าตรวจสอบแล้วสรุปว่าโปร่งใสเรียบร้อยดี ก็จะช่วยให้หมดสิ้นข้อสงสัย
ตรวจสอบให้เป็นจริงเป็นจังเป็นระบบ เพื่อรักษาประโยชน์ของราชการและของกระทรวง!