เสียงครวญของงูเห่า จำเลยสังคม
คอลัมน์ – ชกไม่มีมุม
เสียงครวญของงูเห่า – มีพรรคการเมือง 5 พรรค ที่ได้รับผลกระทบตามมา หลังเหตุการณ์สภาผู้แทนฯ ร่วมกันโอบอุ้มคณะคสช. ด้วยการล้มญัตติของฝ่ายค้านสำเร็จ
ต้องสอบสวนส.ส.ที่ประพฤติสวนทางมติพรรคของ ตัวเอง
ทั้งที่ร่วมช่วยให้ครบองค์ประชุม และที่โหวตสวนทาง
มีใครเป็นงูเห่ากินกล้วย หรือใครต้องจำยอมตามข้อแลกเปลี่ยนบางประการในด้านคดี ก็ต้องค้นหาความจริงกันไป แล้วอาจจะตามด้วยบทลงโทษถ้าพบว่าผิดรุนแรง
อย่างที่รู้กันว่า ญัตตินี้เป็นเรื่องใหญ่อยู่ในความสนใจของประชาชน จับตากันทั้งบ้านเมืองหลังเป็นเหตุให้สภาล่มไปก่อนหน้า 2 หน
10 ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่เข้าข่ายเป็นงูเห่า กลายเป็นจำเลยของสังคมไปในทันที!!
มีส.ส.รายหนึ่ง บอกว่า เหตุที่ไม่ทำตามมติพรรค โดดไปหนุนรัฐบาล ไม่ใช่เพราะได้เงินทอง แต่ต้องการให้สภาเดินหน้าไปได้
แล้วตั้งข้อสงสัยด้วยว่า
ทีส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่สวนมติพรรคเหมือนกัน ทำไมไม่ตกเป็นจำเลยสังคมบ้าง
ฟังแล้วก็ฮาดี!!
อีกทั้งมีคำตอบอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เพราะส.ส.ประชาธิปัตย์ที่โหวตสวนมติพรรคนั้น อาจมีปัญหาเรื่องวินัยในพรรค
แต่สำหรับประชาชนแล้ว พากันชื่นชม เพราะการโหวตหนุนญัตติ เป็นการยืนยันว่าผู้แทนราษฎรที่มาจากอำนาจในมือประชาชน ต้องตรวจสอบฝ่ายรัฐประหาร ที่ได้อำนาจจากรถถัง
ส.ส.ประชาธิปัตย์กลุ่มนี้ จึงเป็นนักการเมืองจุดยืนดี ในสายตาชาวบ้านที่รักประชาธิปไตย
ยกเว้นแต่ผู้มีจุดยืนหนุนอำนาจคสช. ที่ไม่พอใจอย่างมาก ในการแหกมติของส.ส.ประชาธิปัตย์
ในทางกลับกัน ส.ส.ฝ่ายค้านอีก 3 พรรคที่แหกมติพรรคตัวเอง ไปหนุนฝ่ายรัฐบาล คือการไปร่วมค้านการทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎร ไม่ยินยอมให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจของคสช.ในช่วงรัฐประหาร
อย่างนี้จะไม่กลายเป็นจำเลยสังคมได้อย่างไร!?!
เหตุการณ์นี้ ไม่ใช่แค่เกมการต่อสู้ในสภา ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านเท่านั้น
ไม่ใช่แค่ปัญหา ส.ส.ไร้วินัย สวนมติพรรคเท่านั้น
แต่ยังเป็นปัญหาการทำหน้าที่ของผู้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน จะหนุนอำนาจรัฐประหาร หรือจะตรวจสอบ
เพราะการใช้อำนาจในช่วงรัฐบาลทหารนั้น กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของชาวบ้านอย่างมาก
จึงเป็นปัญหาที่โยงกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนวงกว้างด้วย!
โดย – วงค์ ตาวัน
อ่าน –