คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศหรือสปท. ได้ลงมติด้วยเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบไปเรียบร้อยแล้ว กับ ร่างพ.ร.บ.ชื่อยาวๆเกี่ยวกับสื่อมวลชน ซึ่งไม่ว่าจะตั้งชื่อหรูหราอย่างไร ในความหมายของผู้ทำหน้าที่สื่อมวลชนตัวจริงในประเทศนี้ เขาเรียกว่า “พ.ร.บ.คุมสื่อ” หรือ “พ.ร.บ.ปิดปากสื่อ”

ในช่วงเช้าวันที่ 1 พฤษภาคม ก่อนที่สปท.จะประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.นี้ ได้มีตัวแทนนักข่าวเดินทางไปยื่นหนังสือ เรียกร้องให้สปท. ถอนร่างพ.ร.บ.นี้ออกไป

พูดง่ายๆ ว่า สื่อมวลชนไม่ยอมรับกฎหมายฉบับนี้

ไม่เอาด้วยอย่างเด็ดขาด!!

ในขณะที่ท่าทีของกมธ.ที่ดำเนินการเรื่องนี้ ได้ยอมถอยในบางประเด็น พอเห็นสื่อต้านกันมาก ก็ยอมปรับเปลี่ยนในหลายข้อ

แต่นักข่าวส่วนใหญ่ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่แค่ถอยบางข้อ แต่ต้องถอยทั้งร่าง ต้องถอนทั้งร่างพ.ร.บ.

เพราะที่แสดงท่าทีว่ายอมฟังเสียงค้านของสื่อ แล้วยอมนั่นยอมนี่

คำถามคือ แล้วจะเชื่อได้ไหม

สำคัญ พื้นฐานความคิดในการเขียนร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มุ่งควบคุมการทำงานของสื่อ

ฟังพล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานกมธ. อธิบายที่มาของกฎหมาย และอธิบายด้วยว่ายอมรับฟังแล้วยอมแก้เพื่ออะไร

บอกได้เลยว่า ชัดเจนที่สุดคือ ตัวตนของประธานกมธ.นั้น คือนักรบ

เป็นทหารอากาศมือขับเครื่องบินรบ ต่อสู้กับศัตรูของชาติเพื่อปกป้องเอกราชประเทศชาติอย่างเด็ดเดี่ยว

แต่นักรบเลือดรักชาติเข้มข้นเช่นนี้ จะให้มาปฏิรูปสื่อ ที่หัวใจของวิชาชีพนี้คือ ความเป็นอิสรเสรี ย่อมเป็น ไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง!

รากฐานของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ คือการมองสื่อ ด้วยทัศนะของนายทหารและกลุ่มคนผู้มุ่งมั่นรักษาความมั่นคงของชาติ

ไม่มีทางไปกันได้กับวิชาชีพที่อาศัยเสรีภาพเป็น หลักใหญ่

ดังนั้นการแก้บางข้อบางประเด็น จึงไม่ใช่หลักประกันว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมาใช้แล้วจะมีผลในการควบคุมและปิดปาก

ยังไงก็ไม่รับ!

สุดท้ายต่อให้กฎหมายนี้มีผลออกมา ก็บอกได้ล่วงหน้าเลยว่า จะไม่มีผลควบคุมสื่อมวลชนในประเทศนี้ได้

ไม่มีใครยอมปฏิบัติตาม และไม่มีใครยอมให้ลงโทษ

บอกแล้วว่า ไทยไม่ใช่จีนหรือเกาหลีเหนือ ที่เป็น รัฐเผด็จการมายาวนานแล้ว

เพิ่งเข้ามาเป็นเผด็จการไม่กี่ปี อยากจัดสังคมให้เหมือนเผด็จการรุ่นพี่

โดยไม่เรียนรู้พื้นฐานของสังคมที่แตกต่าง!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน