คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
ไม่น่าเชื่อเลยว่า สติปัญญาระดับอธิการบดี แถมเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อเสรีภาพทางปัญญาและเพื่อประชาธิปไตยของประชาชนส่วนใหญ่ กลับไปหยิบเอาข่าว ฝ้าเพดานถล่ม มาเป็นสาเหตุเพื่อให้ควบคุมสื่อ
การควบคุมสื่อนั้นเป็นปัญหาหลักการ เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องระบบ ชี้ขาดว่าประเทศนี้จะเดินไปทางไหน
ไปแนวรัฐเผด็จการ รัฐสังคมนิยม แบบจีน แบบเกาหลีเหนือ
หรือจะเดินไปในแนวทางประชาธิปไตย เสรีนิยม
คนอย่าง ศาสตราจารย์ด๊อกเตอร์สมคิด เลิศไพฑูรย์ ต้องเสนออะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้มาก หากจะร่วมป่าวร้องให้ออกพ.ร.บ.ปิดปากสื่อ
เอาที่เป็นตัวอย่างปัญหาระดับโครงสร้างประเทศหน่อยสิ ไม่ใช่แค่เรื่องโครงหลังคาฝ้าเพดานในห้องเรียนธรรมศาสตร์!!
โถ เอาเรื่องโครงหลังคาเพื่อขอให้คุมสื่อ
หมดราคาไปเลย
ที่สำคัญข่าวฝ้าเพดานถล่ม มันบิดเบือนตรงไหน
เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง มีคลิปวิดีโอชัดเจน พังถล่มลงมากลางห้องเรียน มีน้ำฝนไหลเจิ่งนอง แต่ที่จะมองไม่ตรงกันก็เพียงแค่ว่า มีโอกาสที่นักศึกษาจะได้รับอันตรายจากเหตุการณ์นี้หรือไม่!?
ซึ่งอธิการบดีอ้างว่า ขณะที่พังลงมานั้น ไม่มีใครเรียนอยู่ในห้อง ถือว่าเป็นข่าวที่ใช้ไม่ได้
อย่างนี้ต้องคุมสื่อๆๆๆๆ
ขณะที่อาจารย์สาวตรี สุขศรี ออกมายืนยันว่า”เป็นวิชาของเราเอง”
โดยบอกว่า กำลังจะมีการเรียนการสอน มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งเข้าไปนั่งรอเรียนอยู่ในห้องนั้นแล้ว แต่โชคดีที่ตัดสินใจ ย้ายห้อง
ในภายหลังเด็กนักศึกษาก็พูดกันว่าโชคดีที่ไม่มีใครเดินผ่านตรงจุดที่มันพังลงมาพอดี
อาจารย์สาวตรียังทิ้งท้ายด้วยว่า
แทนที่อธิการฯ จะแสดงความห่วงใยความปลอดภัยของเด็กและอาจารย์ที่กำลังจะมีการเรียนการสอนในห้องนั้น และรีบเร่งสั่งการแก้ไข..กลับมานั่ง “ฉวยโอกาส” เอาข่าวนี้มาเขียน “สนับสนุนการคุมสื่อ”
ด้านหนึ่ง อาจจะแปลกใจที่ระดับอธิการบดีธรรมศาสตร์ แสดงท่าทีส่วนลึกในจิตใจอยากให้ควบคุมสื่อ แต่ดันหยิบ เอาเรื่องฝ้าเพดานมาเป็นประเด็น
แต่อีกด้าน ถ้าได้เห็นบทบาทในช่วงตามเสียงนกหวีดกำนันเพื่อนำไปสู่ 22 พฤษภาคม 2557
ก็จะไม่แปลกใจนัก เพราะที่ปรี๊ดๆๆ กันตอนนั้น คือเกลียดนักการเมือง เลยทำทุกอย่าง ไม่ต้องมีประชาธิปไตยก็ได้ ทั้งที่เป็นการทำลายอำนาจในมือประชาชนทั้งประเทศ
คราวนี้โมโหข่าวฝ้าเพดานถล่ม ก็เลยต้องหนุนให้ควบคุมสื่อ ทั้งที่คือเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนส่วนใหญ่!