เมื่อจ่าปืนคลั่ง
ถือปืนร้ายแรงกลางเมือง
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
เมื่อจ่าปืนคลั่ง ถือปืนร้ายแรงกลางเมือง – เท่าที่ประมวลข้อมูลจากตำรวจชุดปฏิบัติการที่เสี่ยงตายเข้าจัดการกับ“จ่าปืนคลั่ง”จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา เพื่อหยุดเหตุการณ์ร้ายแรงหลังจากไล่ฆ่าคนไปทั่วเมืองโคราชแล้วยิงดะอีกหลายรายภายในห้างเทอร์มินอล 21 พบว่ามีปัจจัยที่ก่อความยากลำบากในปฏิบัติการมากมาย
โดย จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา เริ่มลั่นกระสุนตั้งแต่บ่าย 3 โมงของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จากนั้นหลบหนีเข้าไปในห้าง ท่ามกลางประชาชนที่เต็มแน่นอยู่ในนั้น
หน่วยปฏิบัติการของตำรวจ เริ่มเข้าคุมพื้นที่ภายในห้างตั้งแต่ค่ำ จนสำเร็จเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 9 โมงเช้าของวันที่ 9 กุมภาพันธ์
เป็นปฏิบัติการที่ซับซ้อนยุ่งยากที่สุด โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องเข้าคุมปฏิบัติการด้วยตัวเอง
แม้ว่าเมื่อจ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ปรากฏตัวในห้างตั้งแต่ช่วงเย็น และผู้คนแตกตื่นหนีตายออกมาได้จำนวนมากแล้ว แต่ยังมีอีกหลายร้อยคนที่ติดค้าง หลบซ่อนอยู่
สภาพภายในห้างที่มากด้วยซอกหลืบและประชาชนที่ยังตกค้างตามชั้นต่างๆ จุดต่างๆ เป็นความได้เปรียบของคนร้าย!
การส่งกำลังเข้าปะทะมีผลกระทบต่อชาวบ้านเหล่านี้
ใช้แก๊สน้ำตาเพื่อให้คนร้ายโผล่ออกจากจุดซ่อนก็ทำไม่ได้
ปิดไฟให้ห้างมืดก็ไม่ได้ ทำให้ประชาชนที่หลบซ่อนเสียขวัญ
ประเด็นต่อมา อาวุธในมือของจ.ส.อ.จักรพันธ์ เป็นปืนสงครามร้ายแรงหลายกระบอก โดยเฉพาะปืนกลที่ใช้ยิงรถถัง!
ปืนกลเอ็ม 60 กระสุนเจาะเกราะ นี่แหละที่ตำรวจระบุว่าอันตรายสุดในปฏิบัติการหนนี้
โล่บังกระสุน เสื้อเกราะที่ตำรวจใส่ ป้องกันไม่ได้!!
ที่ตำรวจกังวลอีกอย่าง ถ้าจ.ส.อ.จักรพันธ์ตกในสถานการณ์จวนตัว อาจมีการใช้ระเบิดรุนแรง หรือใช้ไฟเผา
จะยิ่งสร้างความสูญเสียต่อประชาชนที่ตกค้างในนั้น
จึงต้องใช้หน่วยกล้าตายลัดเลาะเข้าไปให้ถึงจุดที่คาดว่าจ.ส.อ.ปืนคลั่งซ่อนตัวอยู่ เพื่อให้เกิดผลกระทบอื่นๆ น้อยที่สุด
เมื่อหน่วยอรินทราชเข้าเผชิญหน้า จึงโดน ปืนเอ็ม 60 ทำให้ต้องพลีชีพถึง 2 นาย บาดเจ็บสาหัสอีก!
แต่ลงเอยก็สามารถจับตายจ.ส.อ.จักรพันธ์ได้
ได้รับเสียงปรบมือจากประชาชน แต่ก็ทิ้งบทเรียนให้กับทุกฝ่ายมากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่กองทัพต้องทบทวนมากที่สุดคือ การควบคุมอาวุธปืน
ล่าสุดผบ.ทบ.ก็สั่งด่วนแล้วในกรณีนี้
จะปล่อยให้ผู้ชำนาญอาวุธที่บ้าคลั่ง เอาปืนกลยิงรถถังออกมาก่อเหตุกลางเมืองอีกไม่ได้!