คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

เหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่กทม. เริ่มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะนี้ โดยล่าสุดถึงขั้นเข้าไปวางภายใน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อันเป็นโรงพยาบาลในสังกัดของกองทัพบก นับว่าอุกอาจร้ายแรงอย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่า จะกล้าละเมิดหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรงขนาดนี้

มีข้อมูลที่สันนิษฐานว่า การวางระเบิดที่กองสลากเก่า ที่โรงละคร มาจนถึงในโรงพยาบาล มีความคล้ายคลึงกัน

เป็นระเบิดไปป์บอมบ์

แต่คงต้องรอการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนและพยาน หลักฐานในจุดเกิดเหตุให้ละเอียดเสียก่อน จึงจะบ่งชี้ ได้ว่า เป็นการประกอบระเบิดโดยกลุ่มเดียวกันหรือไม่

เพียงแต่รวมๆ แล้ว ขณะนี้เชื่อว่า ระเบิดภายในกทม. ที่ต่อเนื่องกัน

น่าจะเป็นระเบิดที่มุ่งสร้างสถานการณ์ทางการเมืองมากกว่าเรื่องอื่น!

แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ถึงกับตัดทิ้งประเด็นใกล้เคียง เช่น กลุ่มก่อความไม่สงบจาก 3 จังหวัดใต้ ที่เริ่มแผ่ขยายพื้นที่ปฏิบัติการ

หรือบางสถานที่เกิดเหตุ ก็อาจมีปัญหาขัดแย้งภายในของหน่วยงานนั้น ให้ต้องสืบสวนสอบสวนด้วย

แต่ถึงขณะนี้ประเด็นการเมือง ดูจะเป็นเรื่องมีน้ำหนักสุด

เพียงแต่เป็นกลุ่มไหน มือที่ 1 หรือมือที่ 2 หรือ มือที่ 3 !?

แต่ถ้าพูดเฉพาะระเบิดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ต้องนับว่าส่งผลสะเทือนขวัญประชาชนได้อย่างรุนแรงมาก

เริ่มมีคำถามว่า ฝ่ายรัฐจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีกได้ หรือไม่

ตอบได้เลยว่า ป้องกันได้ยากเย็นมาก!

ไม่มีทางที่จะทุ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมาตรวจตราป้องกันได้ทุกตารางนิ้วในกทม.

อาจจะทำได้เฉพาะบางจุด ที่ล่อแหลม และคาดเดาว่า จะเป็นเป้าหมายต่อไป

เพียงแต่รวมๆ แล้วป้องกันได้ยากจริงๆ

จึงเห็นด้วยกับแผนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่จะปฏิวัติระบบกล้องวงจรปิดในพื้นที่สำคัญของกทม.ใหม่หมด!

โดยต้องใช้กล้องที่มีคุณภาพสูงเป็นพิเศษ หลายล้านพิกเซล แล้วเชื่อมโยงไปยังศูนย์ควบคุมของนครบาล

เนื่องจากปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็นกล้องของสำนักงาน เขตกทม. กล้องดูจราจร ทำให้ระบบการเชื่อมโยงภาพยังมีปัญหา อีกทั้งคุณภาพกล้องก็ติดตั้งในยุคก่อนหน้านี้ จึงไม่ทันสมัยเพียงพอ

ต้องทุ่มเทงบประมาณอย่างจริงจังและเร่งด่วนแล้ว

แต่ถึงที่สุดแล้ว การหยุดระเบิดให้ได้อย่างแท้จริง เห็นได้ในทุกยุคทุกสมัย ต้นตอคือการเมือง

ระเบิดการเมืองจะเกิดเฉพาะในยุคที่การเมืองอึมครึมเท่านั้น!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน