คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
ความที่เป็นคดีใหญ่สะเทือนขวัญประชาชน จึงทำให้มีความคาดหวังกันมาก อยากให้มีความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้รู้กันว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นใคร ฝ่ายไหน และทำไมจึงโหดร้ายกล้าลงมือในสถานที่อย่างนี้ โดยไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมใดๆ
รวมไปถึงอยากรู้ว่า กลุ่มไหนกันแน่ ที่สามารถเดินเข้าไปก่อเหตุภายในโรงพยาบาลในสังกัดของกองทัพบก ในวันครบรอบ 3 ปีของการรัฐประหารคสช.
แสดงเจตนาจะทำลายความเชื่อถือของคณะรัฐบาลทหารอย่างชัดแจ้ง
แต่จะว่าไปแล้ว ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่า คดีระเบิดเป็นคดีที่คลี่คลายได้ยากที่สุด
คดีระเบิดที่เกิดขึ้นในบ้านเรา โดยเฉพาะในกทม. ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นระเบิดทางการเมือง แทบจะจับคนร้ายไม่ได้เลย
ที่จับกุมได้ มีไม่มาก ซึ่งก็ต้องประกอบด้วยปัจจัย หลายอย่าง
โดยเฉพาะกล้องวงจรปิด เครื่องมือสำคัญที่สุด!
น่าเสียดายว่า กล้องจำนวนไม่น้อยในที่เกิดเหตุระเบิดครั้งนี้ อยู่ระหว่างการรอซ่อมแซม ไม่สามารถทำงานได้ในช่วงเกิดเหตุ
ทำให้ไม่มีกล้องมากพอ ครอบคลุมเพียงพอ ที่จะเห็นตัวคนร้ายได้
แต่ก็ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องในส่วนที่ยังทำงานอยู่เป็นปกติ ซึ่งคงต้องใช้เวลาพอสมควร
รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีในการหาตำแหน่งตัวบุคคล ที่ตำรวจใช้ได้ผลมากในการสืบสวนสอบสวนระยะหลัง
โดยรวมแล้ว คดีนี้ยังต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย!
ดังนั้น ระหว่างการทำงานของตำรวจ ซึ่งต้องแกะรอยไปตามพยานหลักฐาน ทำไปตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่ตามธงที่ตั้งล่วงหน้า
ควรต้องให้เวลา และรอคอยคำตอบ ที่อยู่บนความ เป็นจริง
มากกว่าคำตอบที่อยู่บนความเชื่อ และบนเป้าหมายการทำลายล้างทางการเมือง
ระหว่างที่ยังไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง จึงไม่ควรที่จะไปฟังข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการกลั่นกรอง
ข้อมูลที่ยังไม่มีพยานหลักฐานที่เป็นจริงมารองรับแล้วเอาไปพูด เอาไปให้สัมภาษณ์ เอาไปขยายในทาง ที่ผิดๆ
รวมไปถึงยังไม่ควรเอาไปเป็นเหตุผลที่นำไปกระทบต่อประเด็นทางการเมืองด้านอื่น!
โดยเฉพาะเรื่องวันเวลาการเลือกตั้งซึ่งเป็นเรื่องใหญ่
เรื่องใหญ่ของคนประชาชนจำนวนมาก ที่รอวันได้อำนาจทางการเมืองกลับคืนมาสู่มือของเรา
เรื่องใหญ่ของทั่วโลก ที่เฝ้าจับตามองวันการเมืองไทยกลับสู่ปกติ
หมายถึงการคลี่คลายความสัมพันธ์ ทางการเมือง การค้า ที่เกี่ยวกับปากท้องประชาชน!