คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
ใครเป็นผู้ลงมือระเบิดในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รวมถึงอีก 2 ลูกก่อนหน้านั้น ที่หน้ากองสลากเก่าและหน้าโรงละครแห่งชาติ จนป่านนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจนนัก เพราะต้องอาศัยเวลาในการแกะรอยพยานหลักฐานต่างๆ อีกไม่น้อย
แต่เมื่อจับกระแสจากคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ทำให้เห็นได้ว่า ความรุนแรงของระเบิดส่งผลต่อวันเวลาการเลือกตั้ง
จึงเกิดข้อสันนิษฐานที่สำคัญว่า ผู้ที่ลงมือวางระเบิด นอกจากจะมุ่งดิสเครดิตคสช. เพราะลงมือในวันครบรอบ 3 ปีรัฐประหาร และในโรงพยาบาลของทหารแล้ว
กลุ่มนี้ น่าจะต้องการสร้างความปั่นป่วน เกิดบรรยากาศความไม่สงบ เพื่อการเลือกตั้งจะได้ไม่ต้องมาถึงเร็วนัก
ยิ่งต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งคำถาม 4 ข้อให้ประชาชนช่วยกันตอบ ซึ่งเนื้อหาผูกโยงกับการเลือกตั้งอย่างชัดแจ้ง
ยิ่งทำให้กระแสการเลื่อนเลือกตั้ง ยิ่งกระหึ่ม!
ไม่เท่านั้น กลุ่มเคลื่อนไหวการเมืองที่ร่วมปูทางให้เกิดรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เริ่มออกมาขานรับกระแสนี้กันยกใหญ่
ทำนองว่า ถ้าเลือกตั้งแล้วได้นักการเมืองหน้าเดิมๆ การเมืองก็ยังไม่พัฒนา ดังนั้นอย่าเพิ่งเลือกตั้งเลย
บ้างก็โหมประเด็น เมื่อการปฏิรูปยังไม่เสร็จสิ้นอย่างถึงที่สุดก็ยังไม่ต้องเลือกตั้งก็ได้
ทั้งหลายทั้งปวง เพราะโรดแม็ปของคสช.เอง ผูกมัดเอาไว้ว่า กำลังจะต้องคืนประชาธิปไตยกลับสู่มือประชาชน
ทีแรกก็ว่าปี 2560 ตอนนี้ก็เลื่อนไป 2561 โดยยังไม่ชัดว่าต้นปี หรือกลางปี หรือปลายปี
แต่เหมือนคนบางกลุ่มบางชนชั้น ยังไม่อยากเห็นวันที่ประชาชนคนไทยได้มีอำนาจทางการเมือง ได้ตัดสินการเมืองด้วยตัวเอง!
สำคัญสุด คงไม่อยากเห็นภาพ วันที่ประชาชนคนไทย ไม่ว่าชนชั้นไหน ร่ำรวยหรือยากจน แต่มีความเสมอภาคกันในทางการเมือง
เดินเข้าคูหาเลือกตั้ง แบบ 1 คน 1 เสียงเท่าเทียมกัน
มันบาดตาบาดใจ เลยยังไม่อยากให้การเลือกตั้งกลับคืนมารวดเร็ว
ในขณะที่ใครเป็นตัวการระเบิดยังไม่อาจตอบได้แน่ชัด
แต่ที่ชัดและแน่ คือผลจากแรงระเบิด กำลังกลายเป็นเหตุผลเพื่อโหมกระแสเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน จนกว่าบ้านเมืองจะเรียบร้อย
ถ้าจะเอากันอย่างนี้ ก็เริ่มเป็นห่วงภาพรวมของรัฐบาลและคสช.
เพราะในช่วงระยะหลังผลโพลเริ่มชี้ให้เห็นว่า ประชาชนพึงพอใจคสช.ที่ทำให้บ้านเมืองสงบได้
แต่ไม่พอใจในผลงานแก้เศรษฐกิจ เพราะประชาชนเริ่มหิวโหย
แล้วเมื่อเกิดระเบิดต่อเนื่องหลายลูกอย่างนี้
ต่อไปผลโพลจะมีอะไรเหลือให้พึงพอใจอีก!?!
