เมื่อเรือยกพลขึ้นบก
ต้องถอยกลับลงทะเล
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
เห็นภาพ หมอ พยาบาล ขาดแคลนชุดป้องกันตัวเอง ทั้งชุดป้องกันเชื้อ หน้ากากอนามัยต่างๆ บ้างก็ต้องดัดแปลงกันอย่างทุลักทุเล เอาเสื้อกันฝนมาใช้แทนก็มี เห็นอย่างนี้แล้ว พอไปเห็นเอกสารวาระการประชุมครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ประชาชนคนไทยคงเศร้าใจไปตามๆ กัน
ด้วยปรากฏชัด มีเรื่องเสนอครม.ขออนุมัติ ให้กองทัพเรือดำเนินการโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท
ยังดีที่สุดท้ายยอมถอนออกไปก่อน เพราะกระแสคัดค้านกระหึ่มไปทั้งโซเชี่ยล
เรือยกพลขึ้นบก จึงต้องถอยกลับลงทะเลไป ในท่ามกลางเสียงโห่!!
ในเมื่อยังถกเถียงกันอยู่ว่า ทำไมงบประมาณสำหรับแก้ปัญหาโรคระบาดยังขาดแคลน อะไรต่อมิอะไรก็ไม่เพียงพอ
กลับมีเรื่องเรือยกพลขึ้นบก 6 พันกว่าล้าน โผล่ขึ้นมา ใครจะรับได้
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ที่ถอนวาระนี้ออกไปนั้น ก็แค่ถอนออกไปก่อน
ทั้งยังปรากฏอีกว่า การจัดหาเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่นี้ มีประโยคต่อเนื่องในเอกสารด้วยว่า เป็นเรือสนับสนุนปฏิบัติการเรือดำน้ำที่อนุมัติกันไปแล้ว
เท่ากับโครงการจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบก เป็นส่วนเกี่ยวเนื่องกันกับการซื้อเรือดำน้ำ
แปลได้ว่า ยังไงก็ต้องมีเรือยกพลขึ้นบก เพราะไปซื้อเรือดำน้ำเอาไว้แล้ว!
แถมถ้าฟังจากการชี้แจงของกองทัพเรือ ก็บอกทำนองว่าทุกอย่างดำเนินการไปนานแล้ว ที่จะเสนอครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เป็นเรื่องต่อเนื่องกัน
บ่งบอกว่า เรือยกพลขึ้นบกกว่า 6 พันล้านบาท คงยากจะยุติ ไปไกลแล้ว!!
คิดย้อนต่อไป ตัวเลขการจัดซื้ออาวุธในยุครัฐบาลคสช. ที่เข้ามามีอำนาจตั้งแต่ปี 2557 นั้น มีการรายงานให้รับรู้กันไปทั่วว่ามากมายขนาดไหน
นั่นก็เป็นธรรมชาติของรัฐบาลทหาร
ทุกครั้งที่มีรัฐประหารในบ้านเมืองเรา รัฐบาลยุคนั้นจะจัดซื้ออาวุธอย่างขนานใหญ่ เพราะถ้าเข้าสู่ รัฐบาลเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลนักการเมือง การจัดซื้ออาวุธจะผ่านการพิจารณาได้ไม่เต็มที่นัก!?
การรัฐประหาร รัฐบาลทหาร และการเร่งจัดซื้ออาวุธเป็นของคู่กัน
รัฐบาลชุดนี้ก็มีแกนนำจากรัฐบาลทหาร ก็เลยติดพันกันมา
คำถามก็คือ คนที่ไปเป่านกหวีดเรียกร้องรัฐบาลทหาร เข้าใจอะไรหรือยัง!?
เชื่อว่าในวิกฤตโควิดคงได้เรียนรู้อะไรได้มาก
วันนี้เมื่อขาดแคลนงบประมาณมาต่อสู้กับโรคระบาด ก็คงจะเริ่มซาบซึ้งเมื่อเห็นโครงการเรือยกพล ขึ้นบก 6 พันล้าน!?!