จะใช้น้ำหรือน้ำมัน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ – สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่น่าระทึกอีกครั้งหนึ่ง ทั้งผลพวงจากวิกฤตโควิดที่ทำให้เศรษฐกิจเสื่อมทรุดอย่างหนัก ปัญหาคนตกงานหลายล้าน เงินเยียวยาที่กำลังจะหมดลง ธุรกิจห้างร้านอีกมากมายที่ทยอยเลิกกิจการ
ดังที่เปรียบกันว่าสึนามิทางเศรษฐกิจกำลัง ก่อตัว ให้เตรียมรับความรุนแรงที่ใกล้จะมาถึงในเร็ววันนี้
ที่ประเดประดังเข้ามาคือ ปัญหาทางการเมือง ทั้งจากความขัดแย้งภายในรัฐบาล ภายในพรรคพลังประชารัฐ จนนำมาสู่การเตรียมปรับครม.ครั้งใหญ่
ปรับเสร็จก็ต้องมีความขัดแย้งต่อเนื่องตามมาอีก
ขณะที่นักเรียนนักศึกษา เยาวชนคนหนุ่มสาว ที่เคลื่อนไหวไม่ยอมรับรัฐบาลและไม่ยอมรับการเมืองในวันนี้ ด้วยถือว่าเป็นการเมืองที่ไม่มีความชอบธรรม มีกระบวนการทำทุกอย่างเพื่อให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจยาวนานอย่างโจ่งแจ้ง
จึงเริ่มก่อม็อบ และแฟลชม็อบไปในขอบเขตทั่วประเทศ!
หลังจากที่เคยเคลื่อนไหวมาแล้ว จุดติดแล้วเมื่อตอนต้นปี แต่ต้องสะดุดไปเพราะโควิด
วันนี้ม็อบและแฟลชม็อบคนรุ่นใหม่กลับมาอีกแล้ว คราวนี้ยากจะมีอะไรมาฉุดรั้งได้
ข้ออ้างเรื่องโรคระบาด นอกจากจะไม่สามารถปิดกั้นได้ ยังอาจจะเป็นการยั่วยุท้าทายอีกแบบ
ใช้ทั้งข้ออ้างทางการแพทย์ ป่าวร้องให้เกรงกลัวการระบาดซ้ำ จะยิ่งระบาดรุนแรงกว่าหนแรก
โหมกระแสน่าหวาดกลัว ราวกับคนทั่วไปราวกับคนหนุ่มสาวปัญญาชนที่ไม่ใช่แพทย์จะไม่มีความรู้ในเรื่องโรคภัย
ใช้ทั้งพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน หวังจะควบคุมการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่!
ล่าสุดต่ออายุกฎหมายพิเศษนี้ออกไปอีกแล้ว
ทั้งที่ไม่มีคนป่วยมา 2 เดือน ให้เป็นข้ออ้างใช้พ.ร.ก.เพื่อคุมโควิดอีกแล้ว
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ระวังจะเข้าทำนอง ยิ่งกดยิ่งเกิดแรงต้าน!
ข้อเสนอของคนรุ่นใหม่ ผ่านการชุมนุมของเยาวชนปลดแอกก็คือ
ต้องเร่งแก้ไขการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยแท้จริง
ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งกันใหม่ เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาเกิดข้อสงสัยเรื่องการบิดเบี้ยวมากมาย
หรือแก้รัฐธรรมนูญ ในประเด็นที่แสดงการเอารัดเอาเปรียบทางการเมืองอย่างน่ารังเกียจ
ไปจนถึงยุติการคุกคาม ผ่านการดำเนินคดี การใช้ข้อหาทางกฎหมายกับนักกิจกรรม นักเคลื่อนไหว ซึ่งกระทำอย่างมากมายในช่วงที่ผ่านมา
จะใช้น้ำหรือน้ำมันราดใส่กองเพลิง ก็แล้วแต่จะเลือก!