คลิปโทรศัพท์มหาภัย – เป็นอันชัดเจนว่า คำสั่งที่ส่ง 2 รองผบ.ตร. กลับคืนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากโดนย้ายด่วนเมื่อตอนต้นปีนั้น ในกรณีของพล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย เป็นการกลับมาเพื่อคืนความเป็นธรรม เพื่อมาเกษียณอายุในเก้าอี้รองผบ.ตร. เป็นเกียรติประวัติในชีวิตราชการ
ส่วนพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เป็นการกลับมาเพื่อขึ้นเขียง
พอกลับมาปุ๊บก็มีผลสรุปการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีคลิปเสียงสนทนาโทรศัพท์ เข้าข่ายการเผยแพร่ความลับทางราชการ สรุปว่ามีมูล
จึงนำไปสู่การดำเนินคดีอาญาที่กองปราบฯ
ตามด้วยลงดาบซ้ำให้สำรองราชการ
คงต้องใช้เวลาในอายุราชการที่เหลืออีก 2 ปีเพื่อต่อสู้คดีคลิปหลุด ทั้งด้านวินัยและอาญา ถ้าโชคดีพ้นมลทินก็อาจจะได้กลับคืนมา รับตำแหน่งปกติได้ก่อนจะครบเกษียณใน ปี 2565
ผลที่ตามมาอีกประการ ก็คือ การสำรองราชการ ดังกล่าว ทำให้เก้าอี้รองผบ.ตร.ว่างเพิ่มอีก 1 ที่
จากเดิมมีว่างแค่ 2 ได้เพิ่มมาอีก 1 ทดแทนพล.ต.อ. วิระชัย
เป็นช่วงที่กำลังจะลงมือแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีพอดี
เท่ากับจะมี 3 ผู้ช่วยผบ.ตร. ที่ได้ขยับขึ้นมา
มี 3 พล.ต.ท.ที่จะได้ขึ้นชั้นพล.ต.อ.
ทำให้เริ่มมองเห็นดาวดวงใหม่ ซึ่งจะมีสิทธิ์ ลุ้นเก้าอี้ผู้นำตำรวจคนต่อไปในอีกปีสองปี ข้างหน้า!
ความเป็นไปอันร้อนแรงในยุทธจักรสีกากีวันนี้ มีชนวนเหตุมาจากคลิปหลุดนั่นเอง
คลิปเสียงที่บันทึกจากการสนทนาโทรศัพท์ ซึ่งมือถือสมาร์ตโฟนยุคใหม่ สามารถบันทึกเสียงได้ง่ายดาย
ทำเอาหลายๆ คนต้องระมัดระวัง ในการพูดจาสนทนาทางโทรศัพท์
คู่สนทนาจะบันทึกเสียงเอาไว้หรือไม่!?
บันทึกแล้วจะหลุดออกมา เผยแพร่ไปทั่วหรือไม่
ย่อมขึ้นกับพฤติกรรม นิสัยส่วนตัว ความน่าเชื่อถือน่าไว้วางใจ
ยิ่งถ้าเป็นเสียงสนทนาระหว่างผู้บังคับบัญชาของหน่วยราชการ แถมเนื้อหาก็เป็นเรื่องการงานราชการ
ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่
ใหญ่ระดับจะทำให้เก้าอี้ตัวหนึ่งพัง แต่ลงเอยเก้าอี้อีกตัวที่ปลิวกระเด็นไปแทน!