กว่าจะมีครม.ใหม่ – ความเป็นไปในบ้านเมืองเราวันนี้ เต็มไปด้วยความผิดปกติอยู่มากมายหลายเรื่อง ขณะที่กระบวนการยุติธรรมกำลังโดนทั้งสังคมรุมกระหน่ำ อันเนื่องจากคดีทายาทมหาเศรษฐี จนเสื่อมศรัทธาหมดความน่าเชื่อถือ
หันมามองทางด้านรัฐบาล ซึ่งแสดงท่าทีขึงขังเป็นอันมากกับคดีลูกเศรษฐีดังกล่าว
อาจจะเพราะเห็นว่ากระแสสังคมกำลังมาแรง รวมทั้งเพื่อไม่ให้เรื่องลุกลามพัวพันมาถึงรัฐบาล*
แต่ก็เริ่มมีข้อสังเกตกันว่า อันที่จริงมีปัญหาที่ใหญ่กว่า ซึ่งรัฐบาลควรจะต้องเร่งแก้ไข แต่กลับไม่มีทีท่าขึงขังเท่าที่ควร
นั่นคือเรื่องเศรษฐกิจ!!
กิจการห้างร้าน โรงงานต่างๆ ยังทยอยปิด หรือลดเงินรายได้พนักงาน
ทั้งสังคมรู้กันดีว่า สึนามิเศรษฐกิจรออยู่เบื้องหน้า ถามว่ารัฐบาลพร้อมรับมือหรือไม่!?*
แต่เอาแค่ทีมงานรัฐมนตรีด้านเศรษฐคือใคร กว่าจะคลอดออกมาก็ต้องรอกันอยู่นาน
เพราะรองนายกฯ และรัฐมนตรีหลักๆ ด้านนี้ ลาออกจากตำแหน่งยกแผง มาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ทั้งรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งรัฐมนตรีพลังงาน*
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พ้นจากรองนายกฯ ไปแล้ว พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน พ้นจากรมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พ้นจากรมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ พ้นจากรมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล พ้นจากรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสถานการณ์ปากท้องเงินทองของประชาชนเช่นนี้ ไม่ต้องวิตกกังวลอะไรเลยหรือ!
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม จึงประกาศครม.ใหม่ออกมา
แต่คิดดูให้ดี เท่ากับทีมงานเศรษฐกิจของรัฐบาล ไม่มีคนทำหน้าที่บริหารมา 3 สัปดาห์แล้ว
เรียกได้ว่าคือเกียร์ว่าง!!
เช่นนี้แล้ว แนวโน้มด้านปากท้องของชาวบ้าน น่าสบายใจมากไหม
ในทางการเมืองเล่า เด็กๆ นักเรียนนักศึกษา ยังชุมนุมไปเรื่อย ในขอบเขตทั่วประเทศ ทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลออกไป ทั้งให้แก้รัฐธรรมนูญ ทั้งให้ยุบสภา
กระแสการไม่ยอมรับในผู้นำการเมืองในวันนี้ แผ่กว้างไปมาก
ภายในรัฐบาลเอง เมื่อมีครม.ใหม่คลอดออกมา ก็ชี้ได้ล่วงหน้าเลยว่า คลื่นใต้น้ำภายในรัฐบาลก็ต้องก่อตัวขึ้นอีก เพราะการแบ่งเก้าอี้ไม่ลงตัว
เมื่อพรรคไม่ได้รับการตอบสนอง ก็จะไปแสดงออกผ่านเสียงในสภา เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลคุมไม่ได้
หันซ้ายแลขวา ดูแล้วอะไรๆ ก็ไม่ราบรื่นไปหมด!!