ชกไม่มีมุม โดย…วงค์ ตาวัน
ท่วงทำนองกับเนื้อแท้ ก็แค่ใส่เสื้อขนแกะ
ชกไม่มีมุม – ท่วงทำนองกับเนื้อแท้ ก็แค่ใส่เสื้อขนแกะ – มีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำรัฐบาลมีความพยายาม ปรับเปลี่ยนท่วงท่าการแสดงออกต่อสาธารณะค่อนข้างมาก เหมือนให้ดูนิ่มนวลลง เปิดกว้างขึ้น คล้ายจะให้เกิดภาพพจน์ใหม่
คงหวังจะให้ดูเป็นผู้นำรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย สลัดทิ้งภาพผู้นำรัฐประหาร และ นายกฯ รัฐบาลทหาร อะไรทำนองนั้น
แต่เอาเข้าจริงๆ ภาพภายนอก จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ถ้าเนื้อในของรัฐบาลยังเป็นกระบวนการแบบเดิมๆ ยังมีจุดยืนเป็นรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับกระบวนการอันไม่เป็นประชาธิปไตย
ที่ว่าเปลี่ยนท่วงทำนองใหม่ๆ ก็คือ การตอบรับการชุมนุมของนักเรียน นักศึกษา โดยไม่พูดจาดุดันตอบโต้ ไม่บอกปัด ซึ่งเคยเป็นตัวตนเป็นท่วงทำนองที่มีมาตลอดก่อนหน้านี้
กลับแสดงการสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญบ้าง จะเปิดเวทีให้นักเรียนนักศึกษามาพูดคุยบ้าง
แต่พอเริ่มมีปฏิบัติการจับกุมคุมขังแกนนำการเคลื่อนไหวแฟลชม็อบ ก็เริ่มรู้สึกกันว่า นี่แหละความเป็นจริงของรัฐบาลนี้!!
การเปลี่ยนแค่ฉากหน้า แต่ภายใน และเนื้อแท้ก็ยังเป็นเดิมๆ อยู่ ไม่ได้แปรเปลี่ยน
แล้วจะเชื่อว่าสิ่งที่แสดงออกต่อสาธารณะ ทั้งเปิดกว้างให้แก้รัฐธรรมนูญ จะเปิดเวทีรับฟังเสียงเยาวชน
อะไรเหล่านี้จะเป็นจริงได้หรือ
เพราะความผิดที่เกิดขึ้น ที่กลายเป็นข้อหา 7 ข้อนั้น เป็นเรื่องคาบเกี่ยวกับคำว่า เสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ต้องยึดถือเคร่งครัด
แต่นี่โดนข้อหา สร้างความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่อง มั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กีดขวางทางสาธารณะ ใช้เครื่องขยายเสียง แถมด้วยข้อหาก่อโควิด
ก็เลยทำให้บรรยากาศวันนี้ ชักไม่ต่างอะไรกับช่วง 5-6 ปีก่อนหน้านี้!
แกนนำเรียกร้องเสรีภาพในช่วงหลังรัฐประหาร 2557 ก็ถูกจับกุมแบบนี้ แกนนำเรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา ให้เลิกคุกคามนักเคลื่อนไหว ก็โดนแบบนี้
ผู้นำรัฐบาลพยายามเปลี่ยนท่าทีท่วงทำนอง แต่กระบวนการจัดการปัญหาของรัฐบาล กลับเข้าฟอร์มเดิม คงไม่ต่างจากที่ออกเดินสายพบปะสื่อมวลชน โดยผ่านมา 6 ปี เพิ่งจะทำ
คล้ายปรับเปลี่ยนภาพพจน์ใหม่ เป็นคนเปิดกว้างยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญในการเมืองระบอบประชาธิปไตย
แต่คุยเสร็จ รับฟังความเห็นกันเสร็จ อีกไม่กี่วันมีประกาศตั้งคณะทำงานปฏิรูปสื่อ เต็มไปด้วยแกนนำม็อบล้มประชาธิปไตย และเป็นม็อบที่คุกคามบังคับสื่อให้เป็นพวกม็อบ
เอาแบบนี้มาปฏิรูปสื่อ บรรยากาศเปิดกว้างก่อนนั้น หดแคบไปทันที
ท่วงทำนองที่เปลี่ยนจึงต้องสัมพันธ์กับเนื้อแท้
มีท่วงทำนองจะรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนนักศึกษา แต่เนื้อแท้ลงมือจับแกนนำการชุมนุม
เลยต้องนึกถึงนิทานอีสป ที่เห็นขนแกะนั้น ก็แค่เสื้อคลุม!?!