คอลัมน์ ชกไม่มีมุม – ขั้นตอนคดีน้องชมพู่ รู้ตัวแต่ต้องรอหลักฐาน

โดย วงค์ ตาวัน

คอลัมน์ ชกไม่มีมุม – หลายคนอาจจะไม่สะอกสะใจ หลังฟังผลสรุปความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ซึ่งพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ใช้โอกาสการเริ่มงานในเก้าอี้ผบ.ตร. จัดแถลงแจกแจงรายละเอียดคดีที่ประชาชนสนใจใคร่รู้อย่างมาก

ที่ว่า มีคนไม่สะใจ เพราะอยากจะให้ตำรวจมาสรุปแบบบอกเลยใครฆ่า อะไรแบบนั้น

แต่คนอีกส่วนฟังแล้ว รู้สึกถึงความมั่นอกมั่นใจในการทำงานที่เป็นระบบ มีมาตรฐานมากขึ้นของตำรวจ ยึดพยานหลักฐาน การตรวจพิสูจน์วิทยาศาสตร์ อย่างเป็นเรื่องเป็นราว

โดยการแถลงของผบ.ตร.ใหม่ นำทีมงานชุดทำคดีมาร่วมอธิบายด้วย ทั้งพล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภาค 4 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.ภาค 7 ซึ่งเป็นมือหลักในการสืบสวนคดีสำคัญๆ มากมาย พร้อมชุดสืบสวนสอบสวน หน่วยนิติเวช

จุดสำคัญของผลสรุปคดีวันนั้นคือ การชี้ชัดด้วยพยาน หลักฐานว่า เด็กไม่ได้หลงป่าจนตายเอง

เป็นคดีที่มีคนกระทำผิดอย่างแน่นอน โดยเอาตัวเด็กออกไปจากบ้าน จนสุดท้ายน้องชมพู่ถึงแก่ความตาย!

ชัดเจนในระดับหนึ่ง โดยมีพยานหลักฐานรองรับ
คิดดูแล้วกัน มีการสอบพยานถึง 384 ปาก โดยที่มีน้ำหนักเข้าสำนวน 120 ปาก สอบผู้เชี่ยวชาญอีก 13 ปาก เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ 154 ราย วัตถุพยาน 113 ชิ้น

การวิเคราะห์สภาพศพ วันเวลาเสียชีวิต ยังมีการนำเอาเนื้อหมูไปวางไว้ในจุดพบศพ จำลองการย่อยสลาย อะไรเหล่านี้
เพื่อให้รูปคดีชัดเจน เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า คดีนี้เกิดในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่ชุมชนพลุกพล่าน ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ในขณะคนร้ายก่อเหตุ ไม่มีกล้องวงจรปิด การตรวจสอบสัญญาณมือถือยากลำบาก การพิสูจน์พยานหลักฐานอื่นจึงต้องละเอียด

โดยพยานแวดล้อมต่างๆ พอจะบ่งชี้ผู้ต้องสงสัยได้แล้ว แต่หลักฐานยังไม่พอถึงขั้นจับกุม!
ตามหลักของพล.ต.อ.สุวัฒน์ จะจับใคร ไม่ใช่แค่สงสัยในสายตาตำรวจ แต่ต้องมีพยานหลักฐาน และส่งฟ้องให้ศาลรับฟังถึงลงโทษได้

แน่นอนวันนี้ตำรวจมีคนสงสัยชัดเจน หลังจากขีดวงจนแคบแล้วว่า มีอยู่ไม่เกิน 10 คน ที่สามารถเข้าถึงในบ้าน และเด็กยอมให้อุ้มตัวออกจากบ้านได้

ในจำนวนนี้กรองจนเหลือชัดๆ แล้ว ว่าน่าจะเป็นใคร เพียงแต่ต้องมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงให้ได้!
ที่แน่ๆ ไม่มีคนร้ายจากที่ไหนมาก่อเหตุ เพราะไม่มีเหตุจูงใจที่ใครจะเอาตัวเด็กไปเพื่อประโยชน์อื่นใด ต้องเป็นคนในครอบครัวเครือญาติใกล้ชิด

ทั้งคงไม่ได้คิดจะเอาตัวไปทำร้าย น่าจะเป็นความพลาดพลั้งบางอย่าง

แล้วด้วยความรอบรู้สภาพพื้นที่ คนร้ายจึงตัดสินใจ เอาร่างไปทิ้งอำพรางบนภูเหล็กไฟ
บทสรุปจากการแถลงความคืบหน้าคดีดังกล่าว อาจจะไม่ถึงขั้นชี้ตัวคนกระทำผิด ไม่ประกาศจะจับใคร

แต่อย่างน้อยก็ทำให้สังคมมั่นใจว่า กระบวนการทำคดีเป็นขั้นเป็นตอน เป็นวิทยาศาสตร์ น่าเชื่อถือได้ว่า ถ้าลงมือจับ คงไม่มั่วซั่ว
จะมาปั่นกระแสสังคมเพื่อโจมตีว่าเป็นแค่แพะคงไม่ได้!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน