คอลัมน์ ชกไม่มีมุม – วันสำคัญ 14 ตุลาฯ กับการตีความบิดเบน
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม – ไปไหนมาไหนจะได้ยินคำถามที่ผู้คนสนใจกันมากที่สุดคือ จะเกิดอะไรขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมปีนี้ เพราะเป็นวันนัดชุมนุมใหญ่ของนักเรียนนักศึกษา อยากรู้กันว่าจะมีคนเข้ามาร่วมมากมายยิ่งกว่าเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาหรือไม่ แล้วจะมีผลอย่างไรและขนาดไหนต่อรัฐบาลและการเมืองไทย
ความที่ 14 ตุลาคม มีความหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เอ่ยขึ้นมาก็ต้องเห็นภาพนักศึกษานำประชาชนเต็มล้นราชดำเนิน เมื่อ 47 ปีก่อน
ต่อสู้กับรัฐบาลทหารจนได้รับชัยชนะ ส่งผลสำคัญ เป็นการเบิกม่านประชาธิปไตยให้กับสังคมไทย
ดังนั้นในแง่รัฐบาลปัจจุบัน ถ้าการชุมนุม 14 ตุลาคม 2563 นี้ มีพลังมหาศาลเท่ากับเมื่อปี 2516
ก็คงหนาวๆ ร้อนๆ อย่างที่สุด!!
ขณะที่เมื่อ 47 ปีที่แล้ว เรียกร้องรัฐธรรมนูญ มาในปีนี้เรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยและกดดันให้รัฐบาลลาออก
จึงทำให้ต้องจับตากันว่า เหตุการณ์ปีนี้จะมีอะไรรุนแรงและลงเอยแบบเดียวกับเมื่อปี 2516 หรือไม่
หลายคนคงไม่อยากให้ซ้ำรอย
ไม่อยากให้ตอกย้ำความเป็นเดือนอาถรรพณ์อีกเลย
ขณะเดียวกัน ก็ได้เห็นความพยายามของฝ่ายกลุ่มผู้กุมอำนาจ ในการทำให้ความหมายของ 14 ตุลาคม 2516 ผิดเพี้ยนไปอีกทาง
หวังลดทอนคุณค่าของความเป็นประวัติศาสตร์การลุกขึ้นสู้ของนักศึกษาประชาชน!
นอกจากพยายามลบเลือน ไม่ให้บันทึกเป็นประวัติศาสตร์ ไม่ปรากฏในตำราเรียน กว่าจะสร้างอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯได้ ก็เตะถ่วงยืดเยื้อยาวนาน
ไม่อยากให้ประชาชนจดจำ เพื่อไม่ให้เกิดความฮึกเหิมว่า เมื่อนักศึกษาประชาชนลุกฮือขึ้นมา ก็ไม่มีอำนาจไหนมาต้านทานได้
เท่านั้นไม่พอ ยังถึงขั้นสร้างกระแสการตีความว่า เมื่อ 47 ปีก่อน รัฐบาลถนอม-ประภาส ไม่ได้พ่ายแพ้นักศึกษาหรอก!?!
อ้างว่าแพ้เพราะความขัดแย้งในกลุ่มผู้มีอำนาจ โดนซ้อนแผนหักโค่นกันเอง
นั่นเป็นข้อเท็จจริงเพียงส่วนเดียว และเป็นปลายทางของเหตุการณ์ทั้งหมด
แต่ต้นทางมาจากการที่รัฐบาลทหาร ไปจับกุม 13 ผู้นำนักศึกษาที่เรียกร้องรัฐธรรมนูญ ข้อหากบฏ
นักศึกษาก็เลยลุกฮือขึ้นมา นำประชาชนชุมนุมประท้วงใหญ่ แล้วรัฐบาลไม่ยอมฟังเสียงเรียกร้อง ใช้มาตรการแข็งกร้าว ปราบปรามด้วยกระสุนจริง
เมื่อห่ากระสุนไม่อาจหยุดยั้งคลื่นนักศึกษาประชาชนได้ รัฐบาลนั้นก็ต้องพ่ายแพ้
จะเอาประเด็นขัดแย้งกันเองแค่เศษเสี้ยว มาขยายเพื่อกลบภาพพลังนักศึกษาประชาชนได้หรือ!?