คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
มองม็อบ14ตุลาฯ – ภาพผู้คนที่เข้าร่วมการชุมนุมคณะราษฎร 2563 เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เห็นแล้วก็ต้องสงสัยในคำกล่าวของผู้รับผิดชอบงานข่าวกรองความมั่นคงของรัฐบาล ที่ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า คงมีคนเข้าร่วมไม่ถึงหมื่นคน
ขณะที่มากันมากมาย อีกทั้งแม้จะถูกสลายการชุมนุมในตอนเช้ามืด แต่เย็นถัดก็ยังไปโผล่เต็มล้นแยกราชประสงค์อีก ไม่มีหนีไม่มีถอย
ไม่รู้ว่าเพราะการข่าวผิดพลาด ประเมินสถานการณ์ผิด หรือพูดในเชิงจิตวิทยา เพื่อทำให้บรรยากาศการชุมนุมหงอยเหงา
หรืออาจจะเพื่อเอาใจผู้นำรัฐบาล ที่เป็นผู้แต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งนี้
ถ้าข้อมูลทุกอย่างไม่ยืนอยู่บนข้อเท็จจริง ก็จะประเมินสถานการณ์ไม่เป็นไปตามความจริง และมีท่าทีต่อการแก้ไขปัญหาอย่างไม่ถูกต้องไม่ถูกจุด
ถ้าวันนี้รัฐบาลยังเชื่ออยู่ว่า ม็อบไม่มีอะไรมาก เป็นแค่เด็กๆ กระดูกอ่อน ก็จะนำมาสู่ท่าทีเมินเฉยไม่รับฟัง แถมใช้อำนาจภาวะฉุกเฉินเข้าจัดการ
ลงเอยก็ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปสู่จุดไหนหรือไม่!!
ขณะเดียวกัน สิ่งที่เห็นได้จากท่าทีของแกนนำม็อบคณะราษฎรก็คือ การหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะเผชิญหน้ากับมวลชนอีกฝ่าย
แม้ว่าจะมีการลงไม้ลงมือกันบ้างในบางจุด
แต่การตัดสินใจของแกนนำที่เคลื่อนขบวนออกจากราชดำเนินไปทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่บ่าย ถือว่าช่วยคลี่คลายบรรยากาศได้มาก
อย่างน้อยก็จะได้ไม่กลายเป็นการปะทะกับมวลชนอีกฝ่ายที่บานปลายรุนแรง
อาจทำให้เข้าทางฝ่ายรัฐ หาเหตุในการสลายการชุมนุมได้ในทันที!
เอาเป็นว่าความพยายามจะรักษาภาพการชุมนุมประท้วงแบบปัญญาชน แบบคนรุ่นใหม่
ไม่ก้าวร้าว ไม่ใช้ความรุนแรง ยึดหลักสงบสันติ ยังทำต่อเนื่อง
แม้สุดท้ายจะโดนมาตรการประกาศภาวะฉุกเฉินเข้าสลายการชุมนุม ก็ยังเน้นความปลอดภัยชีวิตมวลชนเป็นสำคัญ!
รีบส่งผู้ร่วมชุมนุมกลับบ้านได้แทบทั้งหมด ก่อนจะถูกตำรวจปราบจลาจลเข้ายึดพื้นที่
ความที่ม็อบคณะราษฎร ม็อบนักเรียนนักศึกษา คือ ม็อบที่อยู่ตรงข้ามกับฝ่ายผู้มีอำนาจ จึงมีข้อจำกัด มีความเสียเปรียบหลายอย่าง การระมัดระวังป้องกันเงื่อนไขโดนทำลายจึงจำเป็นที่สุด
ไม่เหมือนม็อบฝ่ายเรียกร้องทหารให้มายึดอำนาจ เหมือนเมื่อปี 2549 และ 2557
นั่นเขาเรียกว่าม็อบมีเส้น
ในทางกลับกัน ฝ่ายรัฐบาลเอง ต้องรู้ดีว่านี่เป็นม็อบเด็กๆ ม็อบพลังบริสุทธิ์ และมีประชาชนรวมเป็นพลังหนาแน่นมากมาย
น่าจะใช้ไม้อ่อนพูดคุยเจรจา เพราะใช้ไม้แข็งเข้าจัดการเช่นนี้ ดูแล้วคงไม่จบง่ายๆ!