คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

แนวรบคนรุ่นใหม่ – มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลายทิศทาง ต่อการที่รัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการเข้ม ใช้ไม้แข็ง กับการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่นำโดยเยาวชนคนรุ่นใหม่ และแนวร่วมคนเสื้อแดง ไม่มีการพูดคุยเจรจา แต่ใช้วิธีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง และส่งตำรวจปราบจลาจลเข้าควบคุมพื้นที่

มีแกนนำถูกรวบตัวไป 4-5 คน

ส่วนหนึ่งก็ยังโล่งใจ ที่ไม่มีเหตุร้ายแรงเลือดตกยางออก เพราะแกนนำเองที่ประเมินสถานการณ์ได้ไว ตัดสินใจยุติการชุมนุม ให้มวลชนรีบทยอยกลับไปก่อน

ฝ่ายตำรวจเอง ก็เน้นหน่วยปราบจลาจล โล่ กระบอง

ยุติอย่างไม่สูญเสียเป็นดีที่สุด!

แต่ในทางการเมือง น่าคิดว่า รัฐบาลได้คะแนนหรือไม่

กลายเป็นรัฐบาลที่ยังเข้มแข็งเด็ดขาด ไม่ถนัดการพูดคุย ทำนองนั้นมากกว่า

ที่สำคัญ วิเคราะห์ตามทฤษฎีการเมือง การใช้มาตรการประกาศภาวะฉุกเฉิน ใช้อำนาจปิดกั้นไม่ให้มีการชุมนุมทางการเมืองอย่างเด็ดขาด

เป็นผลบวกหรือเป็นลบต่อผู้ใช้อำนาจ คงไม่ต้องอธิบาย

แต่ที่แน่ๆ ทำให้ปัญหาจบได้หรือไม่ ทำให้กลุ่มเคลื่อนไหวประท้วงขณะนี้สยบยอมหรือไม่!?

มีแนวโน้มว่า ไม่น่าจะจบ

ยิ่งผู้ประท้วงยุคนี้เป็นนักเรียนนักศึกษาคนรุ่นใหม่ เท่ากับว่าแนวรบนี้ไม่เหมือนเดิมๆ ที่ผ่านมา!

เคลื่อนไหวรวดเร็ว หลักแหลม มีโซเชี่ยลไว้สื่อสารฉับไว

รัฐบาลนี้ มีผู้นำที่เคยผ่านสถานการณ์ม็อบหนักหน่วงมาแล้ว แต่นั่นคือยุคม็อบเสื้อแดง ซึ่งเป็นมวลชนคนละแบบ

ปี 2553 เสื้อแดงโดนกระชับพื้นที่ด้วยกระสุนจริง ลงเอยตายไป 99 ศพ หลังจากนั้นเสื้อแดง สงบนิ่ง!

แม้ว่าจริงๆ ก็ไม่จบ เพียงแต่เฝ้ารอเวลากลับคืนมา ซึ่งวันนี้ก็กลับมาแล้วร่วมกับม็อบเยาวชนนักเรียนนักศึกษา

แต่จากปี 2553 จากนั้นรัฐบาลคสช.อยู่ในอำนาจ 5 ปี ต่อจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ไม่เคยมีการเคลื่อนไหวต่อต้านจากเสื้อแดง

เลยมั่นอกมั่นใจว่า ควบคุมม็อบได้อยู่หมัดแล้ว

ลืมนึกไปว่า พิษความพิสดารจากการเลือกตั้ง 2562 ตามด้วยการปิดฉากพรรคการเมืองตัวแทนรุ่นใหม่

ทำให้นักเรียนนักศึกษา ต้องลงถนน กลายเป็นม็อบคู่ต่อกรกับรัฐบาล

ทั้งเป็นแนวรบใหม่ที่ผู้มีอำนาจยังไม่รู้จักไม่เข้าใจเพียงพอ!!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน