คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

อนาคตของเด็ก อนาคตของชาติ – ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ หลังจากเกิดรัฐประหารต่อเนื่องถึง 2 ครั้ง คือ รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพื่อล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง และรัฐประหารซ้ำเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นภาค 2 โดยเป็นกระบวนการล้มประชาธิปไตยที่ต่อเนื่องกัน

2 เหตุการณ์ที่ฉุดสังคมไทยถอยหลังอย่างขนานใหญ่ดังกล่าว ทำให้คนจำนวนไม่น้อย ที่ไม่เชื่อว่าประเทศที่เป็นเผด็จการจะเจริญก้าวหน้าได้ พากันสิ้นหวังต่ออนาคตประเทศชาติ

ถึงขั้นเกิดกระแสในหมู่คนรุ่นใหม่ ไปจนถึงพ่อแม่ที่เชื่อในความเป็นเสรีประชาธิปไตย

ไปเรียนไปทำการงานในต่างประเทศกันดีกว่า อะไรทำนองนี้

เพราะหมายถึงอนาคตของเด็กๆ ของลูกหลาน

จนกระทั่งเกิดการเลือกตั้ง 22 มีนาคม 2562 เป็นจุดเปลี่ยน ด้วยเด็กๆ รุ่นใหม่เริ่มมีความหวังกับสังคมไทยกับการเมืองไทย!

เพราะเกิดพรรคการเมืองแนวใหม่ ตรงใจคนรุ่นใหม่

แต่การเมืองหลังเลือกตั้ง กลับสร้างความผิดหวังให้กับคนหนุ่มสาวอย่างขนานใหญ่

ด้วยกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ด้วยการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระบางองค์กร มีการทำลายฝ่ายตรงข้ามการเมือง

แทนที่จะมีการเมืองที่พัฒนาก้าวหน้า มีคนคิดใหม่ รุ่นใหม่ๆ มากวิสัยทัศน์ เข้ามาบริหารประเทศชาติให้เจริญรุดหน้าเสียที

ที่ไหนได้ ทุกอย่างถดถอย เห็นหน้าตาผู้บริหารในรัฐบาลก็ห่อเหี่ยวไปตามๆ กัน

จากที่เลิกเบนเข็มไปเรียนไปหาอนาคตที่เมืองนอก คราวนี้ก็เลยลงสู่ท้องถนน!

ทุกอย่างมีความเป็นมาชัดเจนเช่นนี้

เด็กรุ่นใหม่รู้คิดมากกว่าผู้ใหญ่ที่ติดอยู่ในโลกใบเก่าหลายเท่า

แค่เห็นแวบๆ จากบรรยากาศในการเคลื่อนไหวต่อสู้ของเหล่านักเรียนนักศึกษา ก็เต็มไปด้วย เรื่องน่าทึ่ง!

ทั้งอ่านหนังสือ “สามัญสำนึก” หรือ Common Sense ของโธมัส เพน หรืออ่านบทกวี ปาโบล เนรูดา “ไม่อาจยับยั้งฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาได้”

ดังนั้นอย่าบังอาจไปเหยียดหยามว่าเด็กไม่รู้เรื่อง โดนชักจูงมาเป็นอันขาด

นั่นคือสะท้อนสติปัญญาของคนที่กล่าวหาเด็ก และยิ่งทำให้เด็กรู้สึกว่า รัฐบาลและเครือข่ายอำนาจวันนี้ สายตาแคบสั้นและคิดตื้นทั้งนั้น

ที่เด็กนักเรียนนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวในวันนี้

ก็เป็นเพราะคิดคำถึงถึงอนาคตของตัวเองเป็นสำคัญ

เด็กคืออนาคตของชาติ และกำลังพยายามสร้างอนาคตของเด็กๆ เอง!

 

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน