ปัญหาบางกลอยไม่จบ – ปัญหาชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ที่ถึงขั้นมาชุมนุมอยู่ข้างทำเนียบ ก่อนจะยอมสลายตัวกลับไปด้วยมีข้อตกลงได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็พร้อมจะกลับมาชุมนุมอีกถ้าไม่บรรลุเป้าหมายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการกลับไปอยู่ที่บางกลอยบน ป่าใจแผ่นดิน ไปจนถึงการยุติการดำเนินคดีกับชาวบ้านที่โดนบุกไปจับตัวลงมา
แต่เมื่อดูท่าทีของนายกรัฐมนตรีแล้ว พอจะเห็นแนวโน้มว่า เรื่องคงไม่ยุติอย่างแน่นอน
แล้วอย่าคิดว่า คนเหล่านี้เป็นแค่ชนเผ่า คนชาติพันธุ์ แล้วรัฐจะทำอะไรก็ได้ เพราะถึงวันนี้เขาก็สู้กันสุดใจขาดดิ้นแน่ๆ
ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำให้มองเห็นแนวโน้มอันมืดมนก็คือ ยืนยันเสียงแข็งทันทีว่า ถึงอย่างไรก็ไม่ให้กลับไปในป่าใจแผ่นดิน
พูดคำเดียวว่า เป็นเขตอุทยาน เป็นป่าต้นน้ำ ใครก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งรัฐก็จัดหาพื้นที่อยู่ให้ใหม่แล้ว
หนักกว่านั้นผู้นำของรัฐบาล กล่าวถึงการต่อสู้ของชาวบางกลอยว่า มีคนอยู่เบื้องหลังสนับสนุนให้เคลื่อนไหว!
ฟังแล้วต้องบอกว่า เป็นมุมมองปัญหาประชาชนที่ เชยมากๆ
เอ๊ะอะอะไรก็บอกว่า มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง
ด้วยการใช้คำว่า “ผมโทษไอ้คนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
พูดราวกับว่ามีการข่าวลึกล้ำ ซึ่งถ้าการข่าวดีจริงลึกล้ำจริงก็จะรู้ได้ว่า เป็นการลุกขึ้นสู้ของชาวบ้าน เขาเองล้วนๆ
แล้วการใช้ท่าทีที่ไม่ยอมให้กลับไปอยู่ป่าใจแผ่นดินอีก เพราะเป็นเขตอุทยาน เป็นป่าต้นน้ำ นั่นคือ ย้อนเรื่องกลับไปตั้งแต่ต้น
เหมือนพูดเรื่องเมื่อ 25 ปีก่อน คือตอนที่เริ่มไปบังคับให้ชาวบ้านต้องออกมาจากพื้นที่บางกลอยบน ในปี 2539!
ทั้งที่การเคลื่อนไหวต่อสู้ของชาวบ้านล่วงเลยมาถึงจุดที่ไปไกลกว่านั้นแล้ว
คือ เขายืนยัน พร้อมมีหลักฐานรองรับว่า ชุมชนนี้อยู่ในป่านั้นมาก่อนจะประกาศเป็นเขตอุทยาน อยู่ตรงนั้นมาหลายรุ่นผู้คนแล้ว
ปัญหาเลยมาจนวันนี้ รัฐต้องมาพูดคุยว่า จะทำอย่างไรกับถิ่นที่อยู่และการดำรงชีพตามวิถีดั้งเดิมของเขา
อีกทั้งที่ย้ายให้มาอยู่บางกลอยล่าง พิสูจน์แล้วว่า 25 ปีผ่านไป ทุกอย่างล้มเหลว!
ดังนั้นเมื่อต้นปี เมื่อกลางมกราคม ชาวชุมชนนี้ซึ่งไม่อาจทนอยู่อย่างยากลำบากในพื้นที่ที่รัฐจัดให้ต่อไปได้
ตัดสินใจเดินกลับไปยังผืนแผ่นดินที่เคยอยู่มาดั้งเดิม
ปัญหามาถึงจุดนี้แล้ว ต้องคิดหาทางออกบน พื้นฐานใหม่ ในกรอบใหม่
ไม่ใช่ยังตั้งโปรแกรมถอยไปเหมือน 25 ปีก่อน
ไม่ใช่ระดับนายกฯยังพูดเรื่อง 25 ปีก่อน เหมือนเพิ่งได้เคยรู้ แถมคิดให้ซับซ้อนว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง!?!
