จลาจลไฟท่วม ยังมีรัฐบาลอยู่หรือไม่ : ชกไม่มีมุม
ต่างฝ่ายต่างก็โทษกันไปมาระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ว่าอีกฝ่ายใช้ความรุนแรงก่อน จนทำให้ลุกลามบานปลาย
โดยเฉพาะเมื่อคืนวันที่ 20 มีนาคมนั้น ไม่ต่างกับจลาจลกลางเมือง ไฟลุกท่วมกลางท้องถนน เต็มไปด้วยความรุนแรง พังพินาศโกลาหล
หลายคนเห็นเหตุการณ์ในคืนนั้นแล้วตั้งคำถามว่า เรายังมีรัฐบาลบริหารบ้านเมืองอยู่หรือเปล่า
ไม่เคยคิดแก้ปัญหา โยนให้ตำรวจไปเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม ยืดเยื้อมาหลายเดือน
แล้วเป็นธรรมชาติของเหตุการณ์ ปะทะกันทุกครั้งเช่นนี้ ย่อมมีความเคียดแค้นชิงชัง แล้วทุกอย่างก็จะพัฒนาไปสู่ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
คนที่ห่วงใยความสงบสุขของบ้านเมือง ไม่อยากให้เราถลำลึกจนกลายเป็นความขัดแย้ง ที่นำไปสู่การแตกหัก!
ไปศึกษาสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็เริ่มต้นจากการใช้อำนาจไปกดชาวบ้าน หนักมากขึ้นไปเรื่อย จนเกิดการต่อต้านตอบโต้รุนแรง
ในปัญหาคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาเรียกร้องทางการเมือง รัฐบาลไม่เคยคิดแก้ปัญหาอะไรเลย ใช้แต่อำนาจ ใช้แต่กลไกรัฐ ปราบเข้าไป จับเข้าไป กดเข้าไป
ทำกันอย่างนี้ ลงเอยอาจก็กลายเป็นระเบิดทางการเมืองลูกใหญ่ไปในที่สุด
เราก็เคยมีบทเรียนมาแล้ว ที่ไม่ควรเดินซ้ำอีก ปราบนักศึกษาโหดอำมหิตแบบ 6 ตุลาคม 2519 ผลก็คือปัญญาชนแห่กันเข้าป่าจับปืน
หลังปี 2519 สงครามคอมมิวนิสต์ยิ่งขยายตัว จนต้องมาแก้ไขด้วยการใช้นโยบาย 66/2523 การเมืองนำการทหาร จึงคลี่คลายสถานการณ์ได้
แล้วจะเน้นใช้อำนาจ ใช้การปราบ ในการจับกุมคุมขังปัญญาชนแบบนี้ไปอีกทำไม!?!
จริงอยู่สถานการณ์ปราบม็อบวันนี้ ยังไม่ถึงขนาด 6 ตุลาคม
ยังเป็นการปฏิบัติด้วยหน่วยควบคุมฝูงชน ตามมาตรฐานสากล ยังใช้โล่ กระบอง แก๊สน้ำตา กระสุนยาง
แต่กระสุนยางนั้น เมื่อเริ่มใช้มากเกินไป ส่งผลรุนแรงต่อร่างกายคนถูกยิง ทำให้เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ว่า ที่ว่าใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักนั้น คงไม่ต้องไปถึงหนักมากๆ ก็ได้กระมัง
เพราะนี่เป็นม็อบของปัญญาชน ที่ต่อสู้ในเรื่องความคิดทางการเมือง!
อย่างที่บอกนั่นแหละ เมื่อบ้านเมืองมีไฟท่วมกลางท้องถนน ท่ามกลางการชุมนุมประท้วงเช่นนี้ ย่อมมีคำถามว่า เรายังมีรัฐบาลบริหารบ้านเมืองอยู่หรือไม่
ส่งแต่ตำรวจออกมาปะทะ ก็มีแต่จะยิ่งลุกลามไปมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจพัฒนาไปสู่การยกระดับความรุนแรงไปอีกขั้น
เลิกคิดได้แล้วว่า ใช้ตำรวจ ใช้กฎหมาย ใช้คุกตะรางแล้วจะหยุดม็อบได้ เพราะม็อบไม่เคยหยุด!?
รัฐบาลต้องมานั่งคิดต้องเป็นผู้แก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ที่สำคัญถ้าคนในรัฐบาลเองเป็นต้นเหตุแห่งความขัดแย้งครั้งนี้ ก็ควรหันมาปรับแก้ที่ตัวเองก่อนเลย!
วงค์ ตาวัน
