ขัดแย้งแตกแยก – ปัญหาความขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองในบ้านเมืองเราวันนี้ แผ่ขยายไปทั่วทุกแวดวง ทุกซอกทุกมุมในสังคมไทย ไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์เด็กรุ่นใหม่ที่ออกมาเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นำมาสู่การปะทะกันระหว่างตำรวจควบคุมฝูงชนกับผู้ชุมนุม ที่เกิดภาพโกลาหลจลาจลอลหม่านไปทั่ว

นำมาสู่การใช้กำลังทำร้ายโดยม็อบคนเสื้อเหลือง ที่กระทำต่อเด็กๆ ที่ชูสามนิ้ว เข้าต่อยตีในใจกลางเมืองกรุง

อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องเกรงกฎหมายข้อไหน!?

ไม่เท่านั้น การปะทะทางความคิด ลุกลามไปถึง เหตุการณ์ที่คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งผู้บริหารของคณะ เข้ายึดงานศิลปะของนักศึกษา

กลายเป็นการต่อสู้อันดุเดือดระหว่าง ผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ใช้อำนาจ กับอาจารย์และนักศึกษาที่ยืนยันในหลักเสรีภาพของงานศิลปะ!

ไม่เท่านั้นยังลุกลามไปถึงธุรกิจร้านสุกี้ดัง

ทำเอาเหล่าคนเอียงขวา ต้องแห่กันไปกินสุกี้ร้านนี้ เพื่อตอบโต้กระแสแบน

แล้วเอามาอวดว่า ยิ่งถูกกระแสแอนตี้ ยิ่งไปกิน กันแน่น

สู้สุดเหวี่ยงโถมสุดตัว โดยไม่ต้องอายใครว่าจะกระทำเหมือนเด็กอมมือเช่นไร!?!

ภาพรวมเหล่านี้ ทำให้ต้องเกิดคำถามว่า นับวันสังคมไทยจะยิ่งขัดแย้งแตกแยกหนักมากขึ้นใช่หรือไม่

พร้อมกับเกิดคำถามว่า รัฐบาลผู้บริหารบ้านเมือง ไม่คิดจะแก้ไขอะไรบ้างหรือ!!

ไม่เท่านั้น ย้อนไปตอนที่ก่อการรัฐประหารเมื่อปี 2557 พร้อมคำประกาศว่าจะเข้ามายุติความขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทย

สร้างความรักความสามัคคีให้กลับคืนมา

พอเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ก็โฆษณากันว่า ต้องคนนี้เป็นนายกฯ เท่านั้น ความสงบจะกลับคืนมา

ผ่านมา 7 ปีแล้ว สังคมไทยทะเลาะกัน แหลกเละขนาดไหน!

ไหนคือความสมานฉันท์ที่จะกลับคืนมา

ไหนคือเลือกนายกฯ คนนี้แล้วจะเกิดความสงบ

หลังเลือกตั้งเสร็จแล้วสงบแค่ไหน

ไปๆ มาๆ คนที่จะอ้างว่าจะเข้ามาสร้างความสงบ

กลายเป็นคู่กรณี เป็นคู่ขัดแย้งร่วมในสถาน การณ์ที่เกิดความไม่สงบนั่นเอง!

 

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน