ความผิดในโควิด
ความผิดของประชาชน
ชกไม่มีมุม
มีการนำ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรค และอีกหลายกฎหมาย เพื่อเป็นเครื่องมือให้กับรัฐบาล ในสถานการณ์โควิด โดยใช้มาข้ามปีแล้ว
มองในแง่ เพื่อให้รัฐบาลมีอำนาจเต็มที่ในการแก้ไขและหยุดยั้งการระบาดของไวรัสร้ายแรง ก็คงไม่มีใครว่าอะไร
แต่มองๆ ไป ที่ผ่านมา มีการใช้กฎหมายพิเศษเหล่านี้ เพื่อดำเนินคดีกับใครบ้าง
ใช้มากที่สุดก็คือ ใช้กับแกนนำผู้ชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะม็อบเยาวชนคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงม็อบเรียกร้องประชาธิปไตย
อาจจะมีเอกชน สถานบริการที่เกิดเหตุระบาด โดนกฎหมายนี้บ้าง
แต่ชัดเจนว่า ใช้เอาผิดกับแกนนำม็อบอย่างจริงจังเข้มข้น ทั้งที่ไม่เคยมีโควิดระบาดจากการชุมนุม!!
ดูจากมุมนี้ จึงเห็นได้ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินและพ.ร.บ.ควบคุมโรค เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของรัฐบาล ในการหยุดม็อบที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล
เป็นเครื่องมือทางการเมือง
ส่วนมองในด้านสถานการณ์โควิด ที่การระบาดรอบนี้ ทำลายเศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยว และความสุขสนุกสนานของประชาชนอย่างเต็มๆ ในเทศกาลสงกรานต์
ความสุขของเทศกาลปีใหม่ไทยหายไปสิ้นเชิง
ความหวังจะลืมตาอ้าปากของผู้ประกอบการทั้งหลายพินาศสิ้น
เป็นความเสียหายกระทบต่อประชาชนวงกว้าง ทั้งยังทำลายช่วงเวลาทองของการทำมาหากิน เป็นความเสียหายที่ใครควรรับผิดชอบ!?!
ด้านหนึ่งกฎหมายพิเศษที่มารองรับอำนาจรัฐบาลในสถานการณ์โควิด กลับนำมาใช้เพื่อจัดการกับผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของโควิดแต่ละครั้ง ก็ได้เห็นผู้นำขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าออกอาการหงุดหงิดใส่ประชาชน
โทษคนไม่มีจิตสำนึกบ้าง ไม่ดูแลรับผิดชอบสังคมกันบ้าง ไม่มีความรักชาติไม่ร่วมมือกับรัฐบาลบ้าง!?
แต่ไม่เคยโทษความผิดพลาดในการบริหารของรัฐบาล และไม่เคยแสดงความคิดความสามารถว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร ไปจนถึงจะเดินหน้ารุก เพื่อพลิกสถานการณ์เช่นไร
ทั้งที่รัฐบาลโดนตั้งข้อสงสัยมากมาย เช่น
วัคซีนมาช้า เลือกแค่ยี่ห้อสองยี่ห้อ จนไม่มีการฉีดให้คนกว้างทั้งประเทศได้รวดเร็วพอ
การระบาดแต่ละครั้ง ก็เป็นความบกพร่องของรัฐบาลเองเจ้าหน้าที่รัฐเองเป็นส่วนใหญ่
กลายเป็นความผิดในการแพร่ระบาด เกิดจากประชาชน
รัฐบาลไม่เคยผิดพลาด ไม่ต้องคิดพลิกฟื้นสถานการณ์ใดๆ และคอยแก้ปัญหาตามหลังเรื่องที่เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ!
วงค์ ตาวัน