คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
ของฝากจากการท่องเที่ยว ใบสั่งจับผิดความเร็วรถ – เข้าสู่ช่วงที่ประชาชน ซึ่งเดินทางออกจากกทม. จะเริ่มเดินทางกลับ ด้วยกำลังจะสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์แล้ว อันเป็นสงกรานต์ที่เงียบเหงาและเต็มไปด้วยอารมณ์หวาดผวากับโควิดมากที่สุด
ข้อมูลในช่วงวันเดินทางออกจากกทม. เริ่มต้นเทศกาล บ่งบอกว่า ผู้คนผวาขนส่งสาธารณะ คืนตั๋วรถไฟ และบขส. กันยกใหญ่
มุ่งใช้รถยนต์ส่วนตัว เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดโควิด
นั่นแปลว่า มีรถส่วนตัวจำนวนมากเดินทางออกจาก กทม.ไปยังจังหวัดต่างๆ และกำลังจะทยอยกันขับกลับเข้ากทม.
มีเรื่องน่าเบื่อหน่ายที่ได้รับร้องเรียนอยู่บ่อยๆ ก็คือ กลับจากท่องเที่ยว จะตามมาด้วยใบสั่งจากตำรวจ ข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด
ถ้าขับเร็วน่าหวาดกลัวเกิน 140 หรือ 150 ขึ้นไปก็ไม่ว่ากัน ถ้าจะมีใบสั่งตามมา
แต่จำนวนมาก ขับเร็วเกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเขตเทศบาล คือเร็วเกินขึ้นมานิดเดียว กับขับเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนทางหลวง โดนเร็วเกินแค่ 120 เศษๆ!
Advertisement
ใบสั่งเหล่านี้แหละทำลายบรรยากาศที่เชิญชวนคนออก ท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ
ไปจนถึงทำลายภาพพจน์ตำรวจเองในสายตาประชาชน
เพราะส่วนใหญ่ขับรถทางไกล แทบไม่เห็นตำรวจ คอยบริการประชาชน แต่กลับใช้กล้องจับผิดประชาชน แล้วส่งใบสั่งตามไป
นี่คือการตอกย้ำข้อครหาที่มักกล่าวกันว่า ตำรวจหากินกับประชาชน อย่างไม่ควรทำเลย
กล้องตามถนน จำเป็นต้องมี เพื่อไว้จับรถขับเร็วน่าหวาดเสียวต่อผู้อื่น หรือจับรถพาหนะก่ออาชญากรรม อะไรเหล่านี้ !
แต่ไม่ใช่เอามาจับปรับประชาชนทั่วไปที่ขับเกิน 90 นิดเดียว หรือเกิน 120 ไปไม่มาก
อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนที่เคร่งเครียดจากภัยโควิดอยู่แล้ว การได้ออกเดินทางไปพบปะครอบครัว พอช่วยบรรเทาได้
พอกลับจากเดินทางไกล มีใบสั่งจับผิดตามมาทางไปรษณีย์ มันจะหงุดหงิดขนาดไหน!?
ยิ่ง 2 ปีมานี้ ภัยโควิดกระหน่ำใส่เศรษฐกิจ ผู้คนยากลำบากด้านเงินทองกันถ้วนหน้า
มาเจอใบสั่งจากกล้องจับผิด ข้อหาขับรถเร็ว ใบละ 500 บาท จะลำบากกันขนาดไหน
แถมเดินทางไกลข้ามหลายจังหวัด หลายคนยังโดนใบสั่งความเร็วตามมาอีกหลายใบด้วย
โดนซ้อนๆ หลายใบ กระทบต่อเงินรายได้ที่เหลือน้อยนิดมากมายเพียงใด
นอกจากระหว่างเส้นทางเดินทางไกลไม่เห็นตำรวจคอยดูแลให้อบอุ่นใจแล้ว ยังเห็นแต่ใบสั่งจากกล้องตามถนนตามมา จะให้ประชาชนรู้สึกอย่างไร
อะไรที่พอช่วยให้ประชาชนคลายทุกข์ได้ ก็ช่วยๆ กันเถิด อย่ามาซ้ำเติมโดยไม่จำเป็นเลย!
วงค์ ตาวัน
