ปลุกผีความรุนแรง ไม่เรียนรู้ว่าไฟยิ่งโชน – ส่วนหนึ่งเพราะสถานการณ์โควิดที่ยอดคนติดเชื้อคนป่วยพุ่งทะลัก ยอดคนตายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยอย่างน่ากลัว การรักษาพยาบาลขาดแคลน สะท้อนความล้มเหลวในการบริหารจัดการ ทำให้คนนอนป่วยนอนรออย่างหวาดผวาในความตายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความล่าช้าของวัคซีน
ทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สูญเสียความเชื่อถือความเชื่อมั่น
แถมมองดูแนวโน้มทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า เต็มไปด้วยความมืดมนอนธการ
ใครที่เป็นกองหนุนกองเชียร์รัฐบาล คงพากันเสียขวัญ กลัวว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้ยาก หรือจะกลับมาอีกได้ลำบาก
ทั้งม็อบทางการเมือง โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ อยู่ในช่วงพักรอเวลาโรคระบาดคลี่คลาย เพื่อเตรียมกลับมาใหม่
ดูแล้วยากลำบากเป็นอันมากในแทบทุกด้าน
นี่กระมังเลยเกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน บางรายถึงกับเพ้ออยากเห็นเหตุการณ์แบบ 6 ตุลาคม 2519 ขึ้นมาอีก!
อาจจะมีความคิดทำนองนี้จริง แต่คิดเพ้อแบบไม่รู้ประวัติศาสตร์
ไม่รู้ว่าหลังเหตุการณ์โหดเหี้ยมอำมหิตเมื่อ 45 ปีก่อนนั้น นำไปสู่อะไร
ถ้ามีข้อมูลสักหน่อย จะรู้ว่าการปราบนักศึกษาประชาชนเมื่อปี 2519 นั้น ไม่ได้ทำให้การต่อสู้สงบราบคาบแต่อย่างใดเลย!?
เพราะนักศึกษาประชาชนหลายพันจนถึงนับหมื่น พากันเข้าป่า
ไปร่วมกับคอมมิวนิสต์ จับปืนสู้ จนสงครามยิ่งขยายตัว!
เขตสู้รบขยายมาจ่อกรุงเทพฯ ถึงอ.ปากท่อ ราชบุรี มาถึงอ.บ้านไร่ อุทัยธานี
จนกระทั่งกองทัพในยุคใช้สมอง ได้ผลักดันแนวทางการเมืองนำการทหาร ใช้คำสั่งที่ 66/2523 ยอมให้คนคืนเมืองโดยไม่มีความผิดตามกฎหมายใดๆ
ด้วยรู้ดีว่าสงครามที่มีความคิดความเชื่อทางอุดมการณ์นั้น ฆ่าไม่ตาย ทำลายได้ยาก!
ยิ่งรัฐบาลใช้การปราบปราม อีกฝ่ายยิ่งเติบโต
คนที่อยู่ในช่วงประวัติศาสตร์นั้นรู้ดีว่า เพราะใช้ความอำมหิตฆ่าคนในวันที่ 6 ตุลาคม 2519
ไม่สามารถทำให้คนหวาดกลัว กลับยิ่งแค้น และผลักให้เลือกหนทางจับปืน
เพราะฉะนั้นการใช้อำนาจ ใช้คุกตะราง ใช้ความหวาดกลัว ไม่เคยหยุดคนคิดต่างได้ และมีแต่จะยิ่งทำให้ทุกอย่างบานปลายรุนแรงขึ้น
มีสติสักหน่อย เรียนรู้ประวัติศาสตร์ 6 ตุลาฯ ให้มาก
จะรู้ดีว่า ไม่ควรเดินซ้ำรอยผิดๆ แบบนั้นอีกเลย!!
วงค์ ตาวัน