ใครกัน-เล่นการเมือง บนความทุกข์ประชาชน – ในสถานการณ์โควิดที่เต็มไปด้วยความอลหม่าน สะท้อนประสิทธิภาพของรัฐบาลอย่างชัดแจ้งนั้น มักมีคำกล่าวที่นำมาใช้กันมาก จากคนที่พยายามปกป้องรัฐบาล ด้วยคำว่า อย่าเล่นการเมืองบนความเดือดร้อนของประชาชนจากโรคระบาด
คำกล่าวนี้เพื่อตอบโต้ นักการเมืองฝ่ายค้าน ที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลว่าอ่อนด้อยอย่างไรในการดูแลประชาชน
ท่ามกลางตัวเลขคนป่วยและคนตายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เจตนาก็เพื่อจะโต้กลับการตรวจสอบของนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ทำนองว่าแค่หวังผลทางการเมืองเท่านั้น
อันที่จริง เรื่องแบบนี้ประชาชนสามารถมองเห็นได้
พอจะมองออกว่า ระหว่างการโจมตีเพื่อหวังผลทางการเมือง กับการตรวจสอบและจี้ไชรัฐบาลให้ดูแลประชาชนให้พ้นโรคระบาดนั้น
ต่างกันอย่างไร!?
ชาวบ้านรู้ได้ไม่ยากว่า ที่นักการเมืองฝ่ายค้านทำอยู่ เพื่ออะไรกันแน่
แค่หวังผลการเมืองหรือเพื่อประโยชน์ของประชาชนจริงๆ
สิ่งสำคัญที่สุด ถ้ารัฐบาลทำงานได้อย่างสูงด้วยประสิทธิภาพจริง รับรองฝ่ายค้านไม่สามารถพูดจาเพื่อตีกินทางการเมืองได้แน่!
แต่ถ้ารัฐบาลผิดพลาดจนเกิดการระบาดถึง 2-3 หนใหญ่ๆ จนเตียงโรงพยาบาลไม่เพียงพอเช่นนี้
ไปจนถึงจัดหาวัคซีนได้ล่าช้าเกินไป โดยมีข้อเท็จจริงในหลายประเทศเปรียบเทียบชัดๆ
แบบนี้ ไม่ต้องนักการเมืองฝ่ายค้านหรอก ประชาชนก็วิจารณ์กันอื้ออึงทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่แล้ว
พูดง่ายๆ ฝ่ายค้านจะทำลายรัฐบาลในทางการเมืองไม่ได้เลย ถ้าไม่บกพร่องจนควบคุมการระบาดได้ดี ถ้าวัคซีนมาเร็วกว่านี้ฉีดไปได้กว้างขวางแล้ว
แต่ทุกอย่างประจักษ์แจ้งในสายตาประชาชน!
รวมไปถึงการเรียกร้องทำนองว่า อย่ามัวแต่จ้องจับผิดรัฐบาลอยู่เลย ควรจะร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชนในปัญหาโรคระบาดขณะนี้ดีกว่า
อันที่จริง ที่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลชี้ปัญหา เอาไว้ อย่างเช่นคำเตือนเรื่องบริหารวัคซีนผิดพลาด อย่าแทงม้าตัวเดียว
เป็นเหมือนชี้ทางสว่างเอาไว้ก่อนแล้ว แต่รัฐบาลนั่นแหละไม่ยอมฟัง แถมใช้ข้อกฎหมายเล่นงานอีก
ถ้าหากรัฐบาลมีท่าทีเปิดกว้าง น้อมรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะ นั่นแหละจึงจะได้รับความร่วมมือกับทุกฝ่าย
ถ้ารัฐบาลมีภาวะผู้นำในสถานการณ์วิกฤตอันโดดเด่น นั่นแหละจะเรียกศรัทธาจากประชาชนได้ ความร่วมมือจะตามมาล้นหลาม
แต่ความจริงคือ ทุกอย่างตรงกันข้าม!
วงค์ ตาวัน