โควิดบอกชัด หมอพยาบาลไม่เพียงพอ – ระยะนี้ได้เห็นบรรยากาศการร่วมกันให้กำลังใจ ร่วมกัน ส่ง คณะหมอพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ จากโรงพยาบาลในหลายจังหวัด เพื่อเดินทางเข้ามายังกทม. ในภารกิจร่วมปฏิบัติหน้าที่ตามโรงพยาบาลสนามต่างๆ เนื่องจากสถานการณ์โควิดในเขตเมืองกรุงนั้นกำลังหนักหนาสาหัส
ส่วนใหญ่มาจากโรงพยาบาลในพื้นที่ซึ่งสภาพการติดเชื้อโควิด เบาบางลงไปแล้ว
ด้านหนึ่งก็ถือเป็นหลักการแก้ไขสถานการณ์วิกฤต เมื่อพื้นที่หนึ่งรุนแรงมาก จนล้นมือแพทย์พยาบาล
ย่อมจำเป็นต้องนำเอาบุคลากรในจังหวัดที่เบาบางลงแล้ว มาเสริมในพื้นที่ซึ่งยังมีผู้ป่วยท่วมท้นและเพิ่มขึ้นเรื่อย
แต่มองอีกด้าน น่าเห็นใจหมอพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆ ที่ต้องเข้ามาเสริมกำลังในกทม. เท่ากับเพิ่มภาระหนักหน่วงมาก
สำคัญสุดเห็นใจประชาชนในพื้นที่ที่เขาต้องยกคณะแพทย์พยาบาลออกไป เพื่อช่วยงานในพื้นที่อื่น!!
เท่ากับว่าต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด
ห้ามเจ็บป่วยทุกโรคในระยะนี้ เพราะจังหวัดตนเองนั้น หมอพยาบาลลดน้อยลงไป ไม่อาจอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปกติได้
ถ้ามองในแง่ที่ว่า เราอยู่ในสถานการณ์วิกฤตหนัก เกิดโรคระบาดใหญ่ไปทั่วโลก ที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน
ในแง่นี้ก็ถือว่าเป็นสถานการณ์วิกฤตระดับร้ายแรง ที่ยากจะรับมือ
ย่อมต้องแก้ปัญหากันไปเฉพาะหน้า อย่างทุลักทุเล
แต่ต้องมองต่อไปว่า โลกมีโอกาสจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสระดับนี้อีกหรือ ถือว่าเป็นไปได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้!
รวมทั้งบทเรียนจากวิกฤตที่ต้องใช้กำลังด้านสาธารณสุขเข้ารับมือที่เห็นกันในวันนี้ ทำให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศชาติเราจะต้องทบทวนจัดโครงสร้างกันใหม่
ชัดเจนว่าวันนี้เราไม่มีกำลังบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอ รวมไปถึงอุปกรณ์การแพทย์ กระทั่งโรงพยาบาล เตียง ก็ไม่รองรับประชากรได้ดีพอ
จบจากโควิดแล้ว รัฐบาลต้องมานั่งทบทวน ครั้งใหญ่ เลิกจัดสรรงบประมาณไปในเรื่องที่ไม่เกี่ยวพันกับการป่วยไข้ความเป็นความตายของประชาชนตรงๆ!
ต้องหันมาทุ่มงบประมาณ เพิ่มบุคลากรด้านสาธารณสุขขนานใหญ่
ไม่ว่าจะมีวิกฤตระดับโควิดเกิดขึ้นอีกหรือไม่ก็ตาม แต่การมีแพทย์ พยาบาล มีโรงพยาบาล จำนวนมากมาย จำเป็น ตลอดเวลา
เพราะเกี่ยวกับการรักษาชีวิต การรักษาพยาบาล ด้วยมนุษย์ต้องเจอโรคภัยสารพัด
พูดง่ายๆ ว่า รัฐบาลที่มีนายพลเอกเป็นผู้นำ ควรจะเลิกตอบคำถามแบบเดิมๆ ต่อไปอีกแล้ว
ถ้าจะถามว่า
เรือดำน้ำจำเป็นกว่าหมอพยาบาลโรงพยาบาลอุปกรณ์การแพทย์อย่างไร!?!
วงค์ ตาวัน