ปมคดีน้องชมพู่ – ดูแล้วคดีน้องชมพู่เสียชีวิต คงเป็นคดีที่ต้องต่อสู้กันอีกยาว เนื่องจากลุงพลที่ตกเป็นผู้ต้องหา ตั้งการ์ดสู้อย่างถึงไหนถึงกัน แถมมีการตั้งทนายความ เอาไว้ล่วงหน้า ศึกษาลู่ทางต่อสู้คดีเอาไว้อย่างละเอียด น้ำเสียงยืนกรานหนักแน่นว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์
คงต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไป
แต่ยังไม่ต้องไปถึงชั้นศาล เพียงขั้นตอนที่มีการ ออกหมายจับและการมอบตัว-การจับกุมตัว
เราก็ได้เห็นกระบวนการร้องเรียนตำรวจทันทีแทบ ทุกเม็ดทุกมุมจากฝ่ายผู้ต้องหา
งานนี้สู้ยิบตาแน่นอน
ขณะเดียวกันในประเด็นข้อสงสัยของทนายผู้ต้องหา ที่ว่า ทำไมตำรวจไม่ออกหมายเรียก แต่กลับไปออก หมายจับ ทำนองว่าเป็นการทำผิดขั้นตอนหรือไม่
ในแง่ของนักกฎหมายก็อย่างหนึ่ง แต่ในแง่ประชาชนคนดู การออกหมายจับเช่นนี้ เท่ากับว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแสดงข้อเท็จจริงในทางคดีบางส่วนให้ศาลได้รับทราบ!
มีหลายคดีที่ตำรวจไปขอหมายจับ แล้วศาลไม่เห็นชอบก็มีบ่อย
ส่วนคดีนี้ ปรากฏว่าศาลเห็นชอบ อนุมัติหมายจับให้ ดังกล่าว
อันที่จริงถือเป็นคดี ที่ค่อนข้างซับซ้อน ไม่ใช่การก่อเหตุที่มีคนร้ายมุ่งฆ่าเด็กตรงๆ
ดังนั้นก่อนจะไปยื่นขอหมายจับต่อศาล พนักงานสอบสวนคงต้องมีข้อยืนยันที่หนักแน่นชัดเจนในบางประการ ในท่ามกลางความซับซ้อนของคดี เพื่อแสดงให้เห็น
เมื่อศาลอนุมัติหมายจับเช่นนี้ คงทำให้ตำรวจโล่งใจ เหมือนผ่านไปได้แล้วขั้นแรก!
แต่แน่นอนว่า การที่ศาลอนุมัติหมายจับ ยังไม่เกี่ยวกับ การพิจารณาคดี ยังไม่ใช่ผลของคดี
เพราะกว่าศาลจะตัดสินว่าผิดจริงหรือยกฟ้อง จะต้องไปพิสูจน์พยานหลักฐาน เบิกความต่อสู้กัน ต้องว่ากัน อีกยาวนาน
ขึ้นกับสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายนำมาเสนอต่อหน้าศาล ใครมี น้ำหนักน่าเชื่อถือให้ศาลได้รับฟังมากกว่ากัน
แถมยังต้องสู้กันถึง 3 ศาล กว่าคดีจะถึงที่สุด!
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ฝ่ายผู้ต้องหาแสดงออกในชั้นนี้ ดูจะมั่นอกมั่นใจว่า เหตุการณ์ทั้งหมด เต็มไปด้วย ข้อสันนิษฐาน ไม่ได้มีพยานบุคคลที่ชี้มัด ไม่มีดีเอ็นเอ มัดใคร
ก็คงต้องรอดูว่า ที่ตำรวจยืนยันว่าเป็นคดีที่ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ผ่านกระบวนการเทคโนโลยีชั้นสูงนั้น จะถูกหักล้างจากฝ่ายผู้ต้องหาได้หรือไม่
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องไม่ลืมว่า คดีนี้เกิดเหตุ กับเด็กหญิงตัวเล็กๆ วัย 3 ขวบ
ทำไมเด็กต้องไปเดินหลงในป่า ทำไมต้องมีคนเอา ร่างเด็กไปจัดฉาก
ถึงที่สุดคือมีผู้กระทำผิด และโหดร้ายอย่างยิ่งที่กระทำกับเด็กเช่นนี้!
วงค์ ตาวัน