วันฤกษ์งามยามดี ม็อบกลับมาอีกแล้ว – การแพร่ระบาดของโควิดที่หนักหนาสาหัสมาหลายเดือน เป็นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้ไม่มีม็อบขนาดใหญ่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อกดดันรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งม็อบคนรุ่นใหม่ที่ร้อนแรงเมื่อปลายปีที่แล้ว
ความจริงสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ไม่สามารถจัดการชุมนุมประท้วงขับไล่นายกฯได้เช่นนี้ ควรจะเป็นช่วงที่เอื้ออำนวยให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เร่งทำงาน เร่งสร้างผลงาน สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน เพื่อทำให้เงื่อนไขของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลหด หายไป!
แต่เอาเข้าจริงๆ เต็มไปด้วยความอลหม่านในวิกฤตการณ์โควิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดหาวัคซีน ได้กลายเป็นจุดบอดใหญ่ของรัฐบาลไป ประชาชนไม่พึงพอใจอย่างมาก ในเรื่องโอกาสได้ฉีดวัคซีนที่มาเร็วและมีคุณภาพรวมทั้งมีปริมาณมาก
จนกล่าวกันว่า โควิดซาเมื่อไหร่ ม็อบก็คงกลับมา แล้วความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลในงานวัคซีนนี่แหละ จะปลุกให้คนออกมาร่วมมากขึ้นไปอีก!!
บังเอิญวันนี้ 24 มิถุนายน เป็นวาระสำคัญของการเมืองการปกครองของไทย จึงเกิดการนัดหมายชุมนุมประท้วงรัฐบาล ต่อต้านนายกฯ ต่อต้านรัฐธรรมนูญกันครั้งใหญ่ จะมีสารพัดม็อบจากหลายกลุ่มนัดชุมนุมกันหลายจุด ทั่วกทม. และในหลายจังหวัด
คำว่า 24 มิถุนาฯ มีความหมายสำคัญในด้านการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ประชาธิปไตยเสียด้วย
จึงเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับม็อบฝ่ายต่างๆ ที่ ไม่ต้องการโครงสร้างการเมืองไทยเช่นวันนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้!
อย่างที่บอกนั่นแหละ ถ้าหากในช่วงที่ม็อบต้องพักรบเพราะโควิดระบาดหนักหลายระลอก รัฐบาลได้โชว์ฝีมือทั้งจัดการวัคซีนได้ดี ฉีดได้เร็ว จนการระบาดลดน้อยลง ทำให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมาได้ฉับไว ถ้าทำเช่นนี้ โอกาสจะกลับมาของม็อบก็ยาก มากขึ้น!
แต่นี่นอกจากไม่สามารถทำให้ประชาชนปลาบปลื้มรัฐบาลในวิกฤตโควิดและการฟื้นเศรษฐกิจแล้ว ในทางการเมือง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ก็กลับแสดงความดื้อดึงท้าทายเสียงเรียกร้องเสียอีก
กระบวนการในสภา ในรัฐบาล ก็เดินหน้าไปสู่ความน้ำเน่าเหลวแหลก ท้าทายสายตาประชาชนอย่างมาก ในส่วนคนรุ่นใหม่ ก็เดินหน้าใช้กฎหมายเอาผิดเอาเข้าคุก ไม่สนใจไม่แยแส แบบนี้ก็คือท้าทายพลังคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นไปอีก
ผู้รอบรู้ทางการเมืองกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ยุคไหนก็ตามผู้มีอำนาจมั่นใจในพลังของตนเองจนไม่ฟังเสียง เรียกร้องใดๆ ของทุกฝ่าย
สุดท้ายลงเอยหนีไม่พ้นการแตกหักรุนแรง ซึ่ง ไม่ควรเกิดเลย แต่ไม่ยอมเลี่ยงกันเอง!!
วงค์ ตาวัน
