คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

โดย…วงค์ ตาวัน

เหตุใดวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจึงกลายเป็นคู่กรณีของคนรุ่นใหม่ เกิดม็อบต่อต้านขับไล่ โดยยังมองไม่เห็นแนวโน้มว่าจะซาไปง่ายๆ

จากผู้ที่ประกาศตัวว่า เข้ามาหยุดความขัดแย้งแตกแยกในสังคม เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 และเกิดสโลแกนของพรรคการเมืองที่เป็นฐานให้เป็นนายกฯ ต่อไปในการเลือกตั้ง 2562 ว่า

เลือกความสงบจบที่ลุงตู่!?!

มาวันนี้ท้องถนนเต็มไปด้วยความดุเดือดเลือดพล่าน โดยม็อบที่พุ่งเป้าไปยังพล.อ.ประยุทธ์โดยตรง

จากเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ กลับกลายเป็น มีความไม่สงบ เพื่อจะให้ลุงตู่จบให้ได้

หรือจะเรียกใหม่ว่า มีแต่ความไม่สงบ ถ้าลุงตู่ไม่จบ!!

จากคนที่ประกาศมาหยุดความขัดแย้ง กลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเองนั้น จุดพลิกผันอย่างแรกคือ การรัฐประหาร ไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่คือการสร้างปัญหา

วันที่ทหารนำรถถังออกมาด้วยข้ออ้างเพื่อหยุดยั้งสงครามระหว่างสี อาจทำให้คนไทยบางส่วนดีใจ ว่ามีพระเอกขี่รถถังมาควบคุมสถานการณ์ได้เสียที

แต่ลงเอย การยึดอำนาจด้วยการรัฐประหาร กลายเป็นการขาดความชอบธรรม เพราะคือการเข้าช่วงชิงอำนาจโดยการล้มประชาธิปไตยด้วยปืนด้วยรถถัง

เข้าสู่อำนาจโดยไม่เชื่อมโยงกับการตัดสินใจของประชาชน ไม่เกี่ยวกับอำนาจในมือประชาชน

ถ้าตัดสินใจแบบพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในการรัฐประหารเมื่อปี 2549 คือมาแล้วรีบถอยกลับ จะถูกด่าแค่ช่วงสั้นๆ และไม่แสดงเจตนาให้เห็นว่าทำเพื่อต้องการมีอำนาจทางการเมืองเสียเอง

แต่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เองหลังรัฐประหาร แล้วพอมีเลือกตั้งก็ยังเป็นต่อด้วยกลไก 250 ส.ว. จะไม่ให้ถูกตีความในแง่ร้ายได้อย่างไร!?

กล่าวกันว่าบิ๊กบังยึดอำนาจแล้วรีบถอย น่าจะเพราะรู้ดีว่าศักยภาพผู้นำกองทัพ กับการบริหารบ้านเมือง เป็นเรื่องที่รับผิดชอบไม่ไหว

วันนี้มาเจอสถานการณ์โควิด ตามด้วยเศรษฐกิจที่ทรุดหนัก ยิ่งยืนยันประเด็นศักยภาพผู้นำในศึกสงคราม กับผู้บริหารประเทศที่ต้องแก้ไขวิกฤตสาธารณสุขและพลิกฟื้นเศรษฐกิจ

คนละเรื่องกัน!!

อีกทั้งถ้าย้อนกลับไปมองช่วง 5 ปีของรัฐบาลทหารคสช. ก็จะพบว่า คำประกาศจะเข้ามาหยุดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

ขัดแย้งกับนักการเมืองขั้วตรงข้าม จัดการกับขบวนการเสื้อแดง และสุดท้ายเจอคู่ต่อสู้ใหม่ คือขบวนการคนรุ่นใหม่

คนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมนิ่งเฉยกับโครงสร้างการเมืองที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยเสรี มีเครือข่ายอำนาจนอกระบบที่พร้อมจะส่งกองทัพเข้าแทรกแซงการเมืองได้ตลอดเวลา

แล้วคู่ขัดแย้งยิ่งขยายกว้าง จากประชาชนที่โกรธแค้นไม่มีวัคซีนเพียงพอ จากคนที่ไม่มีรายได้เลี้ยงปากท้อง หนี้สินท่วมหัว เพราะหยุดโควิดไม่ได้ เศรษฐกิจก็ไม่ฟื้น

ถ้ากลุ่มผู้มีอำนาจย้อนมองเส้นทางที่ผิดเพี้ยนมาตลอด 7 ปี จนกลายเป็นคู่กรณีมีความขัดแย้งลุกลามรุนแรง

ถึงเวลาต้องทบทวนแล้วว่า ถ้ายิ่งถลำลึกไปกว่านี้ จะยิ่งมีแต่ความไม่สงบที่ไม่จบง่ายๆ และอาจจบไม่สวย!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน