คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
ศึกช่วงชิงการนำ ในพลังประชารัฐ
มีข้อน่าสังเกตว่า พรรคการเมืองใหม่ที่เตรียมตั้งขึ้นเพื่อรองรับ “2 ป.” หลังจากเกิดรอยร้าวใน “3 ป.” นั้น คาดว่าคงจะไม่คึกคักกระฉับกระเฉงเสียแล้ว เพราะคนที่รับบทบาทดำเนินการนั้นเริ่มแผ่ว เป็นไปตามวงจรชีวิตราชการ เมื่อพ้นจากอำนาจหน้าที่ ก็ไม่มีพละกำลังหนักแน่นดังเดิม
สิ่งที่รองรับข้อสังเกตนี้คือ การที่ส่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีให้เข้ามาสู่พรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค
หวังจะเข้ามามีบทบาทเพื่อถ่วงดุลกับเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่น่าจะเดินคนละทางกับนายกฯ อย่างไม่หวนกลับ
ส่อแสดงว่า พรรคใหม่ไม่น่าจะไปได้แล้ว ก็เลยต้องหันกลับมาที่พรรคเดิมคือพลังประชารัฐ
แต่ก็นั่นแหละ เพียงย่างก้าวแรกของนายพีระพันธุ์ที่เข้าสู่พรรคนี้
ก็เกิดแรงต้านอย่างหนักหน่วงจากภายในพรรคพลังประชารัฐอย่างทันที!
ว่ากันว่าคนที่หนุนหลังนายพีระพันธุ์ ตอนที่ชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แข่งกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แต่พ่ายแพ้นั้น
ได้ผลักดันนายพีระพันธุ์ ให้มานั่งเป็นที่ปรึกษานายกฯ ช่วยงานพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในทำเนียบรัฐบาล
ครั้นเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ เกิดปัญหากับเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จนถึงจุดแตกหัก จากกรณีโหวตไม่ไว้วางใจ จนนำมาสู่การสั่งปลดพ้นรัฐมนตรี
คนที่หนุนหลังนายพีระพันธุ์และทำหน้าที่เป็นกุนซือใกล้ชิดพล.อ.ประยุทธ์ น่าจะวางหมากให้ส่งนาย พีระพันธุ์มายังพลังประชารัฐนั่นเอง!
แต่เมื่อมาอย่างชัดเจนโจ่งแจ้ง ก็เลยเกิดแรงต่อต้าน
เพียงย่างก้าวแรกก็น่าจะไปต่อได้ลำบากเสียแล้ว!!
อีกทั้งเป็นการแสดงให้เห็นว่า พรรคนี้มีใครเป็นกำลังสำคัญ จะส่งคนเข้ามามีบทบาทเข้ามาเล่นบทถ่วงดุล ย่อมเป็นไปได้ยาก
แต่ก็นั่นแหละ บ่งบอกว่าศึกภายในรัฐบาลที่มาจากปัญหาระหว่างนายกฯ กับแกนหลักของพรรคฐานเสียงรัฐบาล
จะยังเป็นศึกที่ไม่จบลงง่ายๆ
พร้อมๆ กัน ทำให้เห็นเส้นทางสายการเมืองข้างหน้าของนายกรัฐมนตรี เต็มไปด้วยความไม่สงบราบรื่น
การตั้งพรรคใหม่เพื่อสร้างความมั่นใจ ทดแทนพลังประชารัฐ ยังทุลักทุเล
ครั้นจะหวนกลับมาช่วงชิงการนำในพรรคฐานเดิมก็ดูไม่ง่ายดาย
สถานการณ์วันนี้ยังไม่ลงตัว โอกาสที่จำต้องยุบสภายังเป็นไปได้
แถมการตีความวันดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ยังเป็นอีกปัญหาใหญ่
เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่รออยู่อย่างระทึกในต้น ปีหน้า!