คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
ข้อเรียกร้องให้สอบสวน ม็อบล้มประชาธิปไตย
ยุคนี้ นับเป็นยุคที่เกิดการปะทะกันทางความคิด ระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าล้าหลังในสังคมไทย อย่าง ร้อนแรงและขยายไปอย่างกว้างขวาง อย่างเช่น ในสถาบันการศึกษาเก่าแก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเต็มไปด้วยความดุเดือดแหลมคม
ถึงขั้นที่ฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์เตือนฝ่ายนิสิตถึงการแสดงออกที่ท้าทายประเพณีเก่าๆ
จะต้องมีการสอบสวนดำเนินการทางวินัย หากพบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย
แต่ก็โดนฝ่ายเด็กรุ่นใหม่ โดยสภานิสิต ทำหนังสือตอบโต้ในหลายประเด็น
ที่น่าสนใจคือ เรียกร้องให้เปิดการสอบสวนความเกี่ยวข้องของคณาจารย์และบุคลากร ที่มีความเชื่อมโยงต่อการชุมนุมของ กปปส. ในปี พ.ศ.2556-2557
ด้วยเห็นว่า เป็นการชุมนุมที่นำไปสู่การล้มล้างรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย อันเป็นการแสดงความไม่เคารพต่อความเห็นต่างของประชาชนส่วนมากในประเทศ โดยให้มหาวิทยาลัยดำเนินการกล่อมเกลาให้คณาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัยเหล่านั้น ให้อยู่ในครรลองของหลักความรู้คู่คุณธรรม!
ข้อเรียกร้องของนิสิตในประเด็นนี้ เชื่อว่าคงนิ่งเฉยไม่ดำเนินการใดๆ
แต่จะเป็นข้อเสนอที่จุดประเด็นความคิดต่อสังคมทั้งวงกว้างและทั้งในมหาวิทยาลัย
เนื่องจากการชุมนุมของม็อบนกหวีดนั้น ชัดเจนว่านำไปสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 อย่างสอดรับเป็นขั้นเป็นตอน
เพราะข้อเรียกร้องของม็อบในขณะนั้น ฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมถอยกรูดไปแทบทุกประเด็น
ยอมให้กฎหมายนิรโทษกรรมที่เป็นตัวจุดชนวนตกไปจากสภาแล้ว
ยอมยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจชะตากรรมบ้านเมือง ซึ่งเป็นทางออกตามหลักประชาธิปไตยที่ถูกต้อง!
แกนนำม็อบกลับไม่ยอมรับ และเสนอวาทกรรมต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
ก็คือ ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง อ้างนั่นอ้างนี่ เพื่อให้บ้านเมืองเข้าทางตัน เหลือทางให้รถถังทางเดียว
เสร็จแล้วหัวหน้ารัฐประหารก็เข้ามาคุมอำนาจการเมือง และหัวหน้าม็อบก็มีมือไม้เข้ามาอยู่ในรัฐบาล
เป็นรัฐบาลทหารอยู่ถึง 5 ปี ประชาชนไม่มีสิทธิไม่มีส่วนร่วมในทางการเมือง
พอเปิดให้เลือกตั้งใหม่ ก็ใช้กติกาให้อำนาจ 250 ส.ว.กำหนดนายกฯ และรัฐบาล เหนือกว่าเสียงของประชาชนที่ไปลงคะแนนเลือกตั้ง
แล้วการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ดูการเมืองภายใต้รัฐบาลที่มีหัวหน้าปฏิวัติเป็นนายกฯ รอบ 2 เป็นอย่างไร ปฏิรูปก้าวหน้าอย่างไร
กลายเป็นล้าหลังน้ำเน่าที่สุด เป็นคำตอบว่า ไม่มีการปฏิรูปใดๆ มีแต่เกมการช่วงชิงอำนาจการเมือง
จึงชัดเจนว่าดังที่สภานิสิตเรียกร้องให้สอบสวนอาจารย์ที่ไปร่วมม็อบนกหวีด เพื่อล้มล้างประชาธิปไตย
ถือว่าเป็นพฤติการณ์ร้ายแรงที่สุด ทำลายสิทธิทางการเมืองของประชาชนทั้งประเทศ ฉุดบ้านเมืองล้าหลังทั่วด้าน!