คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

โดย…วงค์ ตาวัน

โควิดยังวิกฤต เพราะผิดพลาดตั้งแต่เริ่ม

ใกล้เทศกาลปีใหม่แล้ว แต่สถานการณ์โควิดและสภาพเศรษฐกิจยังไม่เอื้ออำนวย การเฉลิมฉลองท่องเที่ยว คงเป็นไปอย่างไม่เต็มที่ ยังมีข้อจำกัดมากมาย และเงินทองในกระเป๋าของเราๆ ท่านๆ ก็ยังต้องจับจ่ายกันอย่างเขียมสุดขีด

โดยเฉพาะผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ต้องพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเศร้า รัฐยังไม่อนุญาตให้เปิดได้ รอไปหลังปีใหม่โน่น

ได้แต่หวังว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือเยียวยาธุรกิจเหล่านี้ ซึ่งไม่มีโอกาสได้กลับมาลืมตาอ้าปาก ในช่วงเทศกาลที่สำคัญที่สุดเช่นนี้

ขณะที่เรานั่งดูข่าวสารจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป ที่เขาจัดการด้านวัคซีนได้เข้มแข็ง ทำให้กลับสู่ความเป็นปกติมาหลายเดือนแล้ว กินดื่มได้ เข้าที่สาธารณะไม่ต้องใส่หน้ากาก

นั่งดูถ่ายทอดบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นั่งเต็มความจุสนาม ตะโกนร้องเพลงเชียร์กันสนุกสนาน

ดูไปเศร้าใจไปกับมาตรฐานของผู้บริหารประเทศ ที่ ต่างจากชาติอื่นๆ ลิบลับ เพราะไม่มีประเทศที่นายพลทหารเป็นผู้นำ แล้วจะจัดการวิกฤตสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ได้ดีแน่นอน!

จริงอยู่ในยุโรปก็ยังมีการระบาดกลับมาอีกเป็นระลอก แต่สภาพที่คนได้ฉีดวัคซีนกันครบพร้อม ทำให้ไม่ต้องหวาดผวาหูตาเหลือก

ล่าสุดมีเรื่องให้ตื่นตระหนก ทั่วโลกต้องเตรียมรับกับไวรัส โควิดกลายพันธุ์สุดดุ โอไมครอน อย่างจริงจัง

เทียบกันแล้ว ประเทศที่พื้นฐานการฉีดวัคซีนให้ประชาชนไม่ครบพร้อม คงต้องอยู่ในความหวาดผวา ต้องป้องกัน โอไมครอนด้วยมาตรการที่สูงกว่า

ไทยเรานี่แหละที่น่าเป็นห่วง เมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ที่เขาฉีดวัคซีนกันมาตั้งแต่ต้นปี 2564 และมีหลายแบบหลายยี่ห้อให้ประชาชนเลือกได้

ผู้คนก็พร้อมจะรับการฉีดอย่างสบายใจ เพราะมีทางเลือกให้พิจารณา

นึกย้อนกลับไป ทำไมประเทศเราเริ่มฉีดล่าช้า วัคซีน มาน้อย แถมเริ่มต้นด้วยวัคซีนเชื้อตายอีก!!?

เมื่อเราเริ่มต้นได้ไม่ดี ทุกอย่างจึงดำเนินมาอย่างทุลักทุเล ตอนนี้มาระดมฉีด พร้อมกับเรียกร้องให้คนไม่ยอมฉีด อย่าได้ลังเล

เพราะคนเหล่านี้ส่วนหนึ่งอาจจะขี้กลัวไป แต่จำนวนไม่น้อย ไม่รับการฉีดเพราะปัญหาไม่มั่นใจการจัดหาของรัฐบาล ทำไมเริ่มต้นแต่ยี่ห้อที่ทำให้ขาดความมั่นใจ

ทำไมเริ่มต้นจากการแทงม้าตัวเดียว ไม่จัดชนิดที่ทั่วโลกยอมรับและหลากหลายยี่ห้อ!?

ยอมรับเถอะว่า ความสามารถของผู้นำฝ่ายบริหารของเรา ส่งผลให้การรับมือโควิดเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น ส่งผล มาจนถึงวันนี้

หนักกว่านั้นทำให้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น แนวโน้มปีหน้า หายนะทางธุรกิจการค้าอาจจะรุนแรงมากขึ้นอีก เพราะสั่งสมความ ล้มเหลวมาตลอดปีนี้

ที่เห็นแล้วแน่ๆ สถานบันเทิง ที่กินดื่ม ยังไม่สามารถเปิดได้ ทั้งที่เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงเวลาทองอันล้ำค่าสำหรับธุรกิจนี้

ปัญหาใหญ่ของบ้านเราคือการเมืองที่ล้าหลังผูกขาดในมือของกลุ่มอนุรักษนิยมการเมือ

ไม่ต้องการให้สังคมเดินหน้า กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัว เครือข่ายอำนาจเก่าจะอยู่ไม่ได้

จึงฉุดทุกอย่างให้ย่ำอยู่กับที่ ทั้งการเมืองเศรษฐกิจ กระทั่งการจัดหาวัคซีน!?!

โดย…วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน