ในทางการเมือง เป็นที่รู้กันดีว่า การเลือกตั้งในพื้นที่กทม.นั้น แตกต่างจากในพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากพฤติกรรมของคนในเมืองหลวง อยู่กันแบบบ้านใครบ้านมัน การผูกพันเป็นชุมชนใหญ่ มีน้อยมาก อีกทั้งเป็นชนชั้นกลางที่เน้นเสพข้อมูลข่าวสาร ติดตามการเมืองแบบเกาะติด
ดังนั้น การลงคะแนนเลือกตั้งของคนกรุงเทพฯ อาจจะผูกพันกับตัวบุคคลกับนักการเมืองส่วนหนึ่ง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ตัดสินใจกาบัตรให้ใคร มักเลือกตามปมประเด็นการเมืองในขณะนั้น!
สำหรับเมืองกรุงแล้ว แม้จะเป็นการเลือกตั้งซ่อมเฉพาะเขต แต่สามารถสะท้อนกระแสทางการเมืองที่เป็นจริงได้
แม้เราควรให้ความสำคัญกับประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยต้องถือว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทย
แต่ในทางการเมือง การเลือกตั้งซ่อมกทม.มีผลทางการเมืองชัดเจน จนอาจถือว่ากรุงเทพฯ คือประเทศไทยก็ว่าได้!!
ดังนั้นผลการเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ จตุจักร จึงเป็นคำอธิบายต่อกระแสทางการเมืองได้แน่นอน
เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง โดยพรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับ 2
เท่ากับว่า พรรคฝ่ายค้าน ฝ่ายประชาธิปไตย มีคะแนนนิยมเหนือพรรคฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายสืบทอดอำนาจ ฝ่ายหนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พรรคกล้ามาอันดับ 3 ก็ประกาศหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เช่นเดียวกับพรรคไทยภักดี หนุนพล.อ.ประยุทธ์ และหนุนระบบการเมืองแบบปัจจุบันสุดตัว ก็มาอันดับ 5
พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐบาล ตั้งพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มากับมือ ร่วงลงไปอันดับ 4 ได้ไม่ถึงหมื่นคะแนน!
หลังผลการเลือกตั้งปรากฏเช่นนี้ จึงทำให้บรรดาคนในรัฐบาลและในพลังประชารัฐต้องชี้แจงกันพัลวัน
ต้องออกมาตอบโต้ข้อวิเคราะห์ประเด็นนี้กันอย่างเหน็ดเหนื่อย
ต้องปฏิเสธกันลั่นว่า ผลเลือกตั้งซ่อมกทม. ไม่ได้สะท้อนให้เห็นความเสื่อมคะแนนนิยมของพล.อ. ประยุทธ์!?!
คะแนนนิยมพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เสื่อมลงได้อย่างไร
ปัญหาเศรษฐกิจทรุดต่อเนื่องมาตั้งแต่เป็นนายกฯ ยุครัฐประหาร มาเจอสถานการณ์โควิดใน 2 ปีมานี้ ไม่มีวี่แววจะโงหัวได้
ในสถานการณ์โควิด ยังโดนวิจารณ์หนักการจัดหาวัคซีนมาล่าช้า มาแบบแทงม้าตัวสองตัว จนวันนี้คนไทยต้องมาเน้นฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ แต่ไม่ใช่ที่รัฐบาลไทยทุ่มสุดตัวในช่วงก่อนหน้านี้
กระหน่ำซ้ำด้วยปัญหาหมูแพงตั้งแต่เทศกาลส่งท้ายปี จนป่านนี้ยังไม่ถูกลง แล้วลุกลามไปถึง เห็ดเป็ดไก่ แพงไปทั่ว
คนไทยส่วนใหญ่กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน ในวิกฤตโรคระบาด วิกฤตเศรษฐกิจทรุดหนัก เช่นนี้
มีแต่ต้องได้นายกฯ คนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์ระดับโลก เก่งกาจด้านเศรษฐกิจ
เช่นนี้แล้วผลเลือกตั้งซ่อมกทม. ไม่สะท้อนประเด็นเหล่านี้ได้อย่างไร!?
