จากข่าวใหญ่สะเทือนสังคมเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เหตุการณ์หมอกระต่าย พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล จักษุแพทย์ ถูกส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก สังกัด กก.1 บก.อคฝ. ขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบก์ยี่ห้อดูคาติ ชนจนเสียชีวิต ขณะเดินข้ามทางม้าลายใกล้แยกพญาไท
นำมาสู่เสียงเรียกร้องความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะการเดินข้ามถนนบริเวณทางม้าลาย ซึ่งเป็นปัญหาความไร้มาตรฐานของประเทศไทย ไม่มีการเข้มงวดด้านวินัยจราจร
จนเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาตัดสินความผิดของส.ต.ต.นรวิชญ์ ให้จำคุก 1 ปี 15 วันโดยไม่รอลงอาญา
ได้ทำให้ผู้คนในสังคมกลับมาสนใจในเหตุการณ์นี้อีกครั้ง ทั้งในแง่มุมมองต่อการโดนลงโทษส.ต.ต.ผู้ก่อเหตุ
รวมทั้งประเด็นความปลอดภัยบนทางม้าลาย ว่าได้มีการยกระดับการเข้มงวดกวดขันให้ผู้ขับขี่รถต้องจอดให้คนข้ามอย่างจริงจังหรือไม่
บทเรียนจากความตายของหมอกระต่าย ควรจะต้องนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานวินัยจราจรที่บริเวณทางม้าลายอย่างเป็นจริง!!
มีการยกตัวอย่าง มาตรฐานการเดินข้ามทางม้าลายในประเทศญี่ปุ่นขึ้นมากล่าวถึงกันมาก
เพราะคนไทยเดินทางไปประเทศดังกล่าวกันมากมาย ทำให้เห็นความปลอดภัยของทางม้าลายอย่างชัดเจน
มีทางม้าลายกระทั่งบริเวณหน้าปากซอยเล็กๆ และรถต้องจอดให้ทุกครั้ง เมื่อมีคนเดินข้าม
เมื่อบ้านเมืองมีความเจริญ มีมาตรฐาน กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ เหตุคนถูกรถชนตายบนทางม้าลายก็แทบจะไม่มีให้เห็น
จากความตายของหมอกระต่าย ควรถึงเวลาแล้วที่จะยกระดับมาตรฐานทางม้าลาย โดยไม่แค่ไฟไหม้ฟาง ไม่แค่พูดๆ แล้วลืมกันไป!
การกวดขันวินัยผู้ขับขี่รถ ต้องหยุดเมื่อเห็นคนข้ามทางม้าลาย คงต้องเร่งทำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจจับรถที่ไม่จอดเมื่อเห็นทางม้าลาย ก็ต้องทำอีกส่วนหนึ่ง
แต่ที่เป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก ในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ คือ ระบบขนส่งมวลชน!
เมืองใหญ่ๆ ในประเทศที่เจริญได้มาตรฐาน เขาจะมีระบบขนส่งสาธารณะที่ครบพร้อม
ทั้งรถไฟฟ้าบนดิน ใต้ดิน ต่อเนื่องทุกเส้นทาง รถไฟความเร็วสูง รถโดยสารประจำทางที่ใหม่สะอาด
ประชาชนไม่จำเป็นต้องใช้รถส่วนตัว
บนท้องถนนจะมีปริมาณรถไม่หนาแน่น ไม่ต้องวิ่งแซงซ้ายขวา ไม่ต้องขับอย่างหงุดหงิดเพราะรถเยอะรถติด
นั่นเพราะเขามีรัฐบาลที่ดี มีการเมืองที่ดี
มีผู้นำการเมืองที่มากวิสัยทัศน์ ทันสมัย ทันโลก
ถ้าทำได้เช่นนั้น เราจะลดปัญหารถติด ปัญหามลภาวะ และคนขับไม่เร่งรีบจนไม่มองกระทั่งทางม้าลาย!!
วงค์ ตาวัน