เข้าสู่ช่วงการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2566 ซึ่งพรรคฝ่ายค้านประกาศชัดเจนว่าจะโหวตคว่ำแน่นอน เพราะการจัดสรรงบประมาณ ไม่สอดคล้องกับปัญหาที่เป็นจริงของประเทศและประชาชน อย่างเช่น งบประมาณจัดซื้ออาวุธกองทัพ ก็ไม่ได้ปรับลดลงไป ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า ให้ความสนใจกับปากท้องประชาชน ที่กำลังยากลำบากอย่างหนัก ธุรกิจการค้าล้มระเนระนาด
แม้ว่าเสียงฝ่ายค้านจะไม่สามารถสู้จำนวนมือของส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้
แต่สถานการณ์แตกแยกภายในพรรครัฐบาล ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่า เสียงสนับสนุนรัฐบาลจะยังเหมือนเดิมหรือไม่!?
ท่าทีของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งอาจไม่แค่พรรคเศรษฐกิจไทยเท่านั้น แต่อาจจะยังเชื่อมโยงถึงส.ส.อีกจำนวนหนึ่งในพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเล็กอื่นๆ
ยังตอบได้ยากว่า ในรัฐบาลเอง จะโหวตหนุนรัฐบาลเหมือนเดิมหรือไม่
จึงถือว่าเป็นช่วงระทึกอีกครั้งของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา!?!
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายรัฐบาลพยายามจะเบี่ยงเบนประเด็น ทำนองว่าส.ส.ต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนประชาชน ถ้าหากร่างพ.ร.บ.งบประมาณไม่ผ่านสภา
เพราะงบประมาณ ต้องไปใช้ดูแลประชาชนและบริหารราชการแผ่นดิน
มีการอ้างถึงประเด็นจิตวิญญาณส.ส. ต้องคิดถึงประชาชนที่เลือกเข้ามาก่อนเกมการเมือง
ทั้งที่ความจริงแล้ว จิตวิญญาณส.ส. ต้องคิดถึงประชาชนในแง่ที่ว่า จัดงบประมาณแผ่นดินแบบดูแลประชาชนใช่หรือไม่
จิตวิญญาณส.ส.ต้องดูประโยชน์ประชาชน ไม่ใช่ต้องหลับหูหลับตาโหวตให้รัฐบาลและให้งบประมาณผ่าน เพื่อเอาไปซื้ออาวุธ!!
ประเด็นคำนึงถึงปัญหาที่เป็นจริงของประชาชน แต่รัฐบาลกลับจัดงบประมาณไม่สอดรับกัน
ประเด็นนี้แหละที่ส.ส.ทุกคน ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาลต้องให้ความสำคัญมากๆ จะนั่งมองอย่างนิ่งเฉยไม่ได้
วันก่อนคนเมืองหลวงได้ประกาศให้เห็นกันชัดเจนแล้ว โดยเลือกชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ แบบถล่มทลาย!
เป็นการส่งสัญญาณจากชาวบ้านว่า ต้องการการเปลี่ยนแปลง
พอได้แล้วรัฐบาลที่อยู่กันมา 7-8 ปี แล้วไม่มีวิสัยทัศน์เรื่องเศรษฐกิจ คิดอะไรไม่เท่าทันโลก
เสาร์-อาทิตย์ยังหยุดงานพักผ่อน ทั้งที่ปากท้องประชาชนหิวโหยไม่มีวันหยุด!!
ขณะที่ชัชชาติ ออกเดินพบปะประชาชน เตรียมแผนการทำงาน เพื่อให้ตรงกับปัญหาที่ชาวบ้านต้องการเร่งด่วนที่สุด
เดินตั้งแต่เช้ามืด จนค่ำ ไม่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ชาวบ้านต้องการเปลี่ยนแปลง
เป็นสัญญาณถึงจิตวิญญาณส.ส.ทุกฝ่าย ต้องรับรู้และตอบสนอง!
วงค์ ตาวัน
