บ้านเมืองที่ทำท่าจะเดินไปข้างหน้าได้บ้าง หลังจากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางส่วน รวมไปถึงกติกาการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดภาพเละเทะเหมือนตอนเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่จู่ๆ ก็พลิกกลับไปสู่บรรยากาศที่เหมือนเดิมอีก แถมเป็นการพลิกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่เป็นเหตุเป็นผล
กลายเป็นเครื่องประจานให้เห็นว่า คนคนเดียวออกใบสั่ง แล้วทั้งสภาที่เป็นเครือข่ายขึ้นตรงก็ต้องทำตาม
สั่งซ้ายหันขวาหันกันง่ายๆ อย่างโจ๋งครึ่ม
ไม่เท่านั้นที่ผู้คนในสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันก็คือ ทำทุกอย่าง ไม่สนใจว่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพียงเพื่อจะหยุดพรรคเพื่อไทยให้ได้
รวมทั้งเพื่อจะให้คณะเดิมสืบทอดอำนาจต่อไปอีกให้ได้
การเมืองไทยจะไม่ยอมเดินไปข้างหน้าบ้างเลยหรือ วนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ทำลายเพื่อไทยและให้ผู้นำทหารสืบทอดอำนาจต่อไป!?
ข้อสำคัญไม่คิดถึงปากท้องประชาชนกันบ้างเลย
ถ้ามีฝีมือแก้ไขเศรษฐกิจ วิสัยทัศน์ระดับเท่าทันโลก ขออยู่ในอำนาจต่อเพื่อจะทำให้ปัญหาปากท้องประชาชนคลี่คลาย แรงต้านก็คงไม่มากมาย
แต่นี่เห็นกันชัดๆ ว่า ทำไม่ได้ เห็นฝีมือกันมาแล้วตลอด 8 ปี ก็ยังยืนยันจะอยู่ต่อไป
เพื่อการดำรงอยู่ของเครือข่ายขุนศึกขุนนาง และทำทุกทางเพื่อไม่ให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล
สำคัญกว่าการทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า เศรษฐกิจการค้าเจริญรุ่งเรือง อย่างนั้นหรือ!?!
แต่ก็นั่นแหละ ยิ่งทำกันแบบนี้ มองได้ 2 ด้าน
ด้านหนึ่งประกาศว่า เครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยมยังแข็งแกร่ง จะทำอะไรก็ได้
หรืออีกด้านคือการเติมฟืนเข้าใส่กองไฟ บรรยากาศการเมืองอาจจะยิ่งร้อนระอุมากขึ้น!
ทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและอีก 10 รัฐมนตรี ยิ่งร้อนแรง
รวมไปถึงบรรยากาศการยื่นตีความวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ในเดือนสิงหาคม จะยิ่งเชิญชวนประชาชนให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มากขึ้น
อย่างอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอนนี้เพิ่มประเด็นใหม่ๆ เข้ามาให้เห็น
การใช้อำนาจของฝ่ายบริหารแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ สั่งได้ง่ายๆ กลายเป็นสภาตามสั่ง
หาร 100 กันมาตลอด พรรคหลักของรัฐบาลคือพลังประชารัฐก็หาร 100 แม้แต่หัวหน้าพรรคก็ยังยืนกรานหาร 100
จู่ๆ มาพลิกเป็น หาร 500 ในชั่วข้ามคืน ด้วยคำสั่งคนคนเดียว จะนำมาซึ่งความยุ่งยากอลหม่าน รวมถึงการคำนวณปัดเศษเละเทะเหมือนปี 2562
แบบนี้คือเพิ่มฟืนในศึกไม่ไว้วางใจและโหมไฟการตีความ 8 ปีนายกฯ ดีๆ นี่เอง!
วงศ์ ตาวัน