ความพยายามจะปกป้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในประเด็นวิทยุทรานซิสเตอร์ เป็นเรื่องเข้าใจได้และน่าเห็นใจทีมงานโฆษกนายกรัฐมนตรีอย่างมาก เพราะเพิ่งกลับมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีวันแรกหลังการพักงาน ก็มาหลุดคำที่กลายเป็นข้อวิจารณ์อย่างหูอื้อ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล ยกข้อมูลมากมายมายืนยันว่า คนส่วนใหญ่ยังฟังวิทยุทรานซิสเตอร์อยู่ ยังเป็นสื่อที่เข้าถึงคนทุกเพศทุกวัย
เพื่อจะปกป้องพล.อ.ประยุทธ์ ที่พูดถึงการใช้วิทยุทรานซิสเตอร์ในสถานการณ์อุทกภัย
เพื่อตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า ไอเดียประยุทธ์เรื่องวิทยุทรานซิสเตอร์นั้นเชยและล้าหลังมาก
ข้อมูลที่ยกขึ้นมาอ้าง ก็เป็นความจริง คนฟังทรานซิสเตอร์ก็ยังมี และมีประโยชน์หากระบบสื่อสารต่างๆ ล่ม
แต่เสียงวิจารณ์นายกฯ ในเรื่องนี้ ประเด็นคือ มีเครื่องมือที่ทันสมัยกว่า อีกทั้งเป็นเรื่องสะท้อนถึงสายตา ไปจนถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำรัฐบาล!!
ข้อเท็จจริงก็คือ คนจำนวนมากเลิกฟังวิทยุไปแล้ว แม้แต่ทีวีก็เลิกมีในบ้านแล้ว
ขณะที่ มือถือ ไอแพด เป็นเครื่องมือติดตัวของคนส่วนใหญ่ที่สอดรับกับโลกยุคใหม่ที่สุด ทั้งพูดคุย วิดีโอคอล แช็ต เล่นโซเชี่ยล ดูวิดีโอ เข้าเว็บข่าว เพจข่าว ดูทีวีก็ได้ ฟังวิทยุก็ได้
ถ้าระบบสื่อสารล่ม ไฟฟ้าดับ ก็ต้องคิดแบบทันโลก เช่น โซลาร์เซลล์ ใช้ดาวเทียมแทนไวไฟอินเตอร์เน็ต
วิทยุทรานซิสเตอร์ก็ใช้ได้ แต่นั่นคือคิดถอยหลัง แล้วคนที่ใช้มือถือจำนวนมากมาย จะต้องไปวิ่งหาซื้อทรานซิสเตอร์มาใช้กันหรือ
เรื่องนี้ จึงเป็นประเด็นมุมมองวิสัยทัศน์ของผู้นำการเมืองไทย!!
แล้วยิ่งพยายามจะปกป้องคำพูดของนายกฯ ด้วยการโหมประโยชน์ของวิทยุทรานซิสเตอร์
ก็ยิ่งแปลว่า รัฐบาลนี้จะไม่คิดแนวทางที่ทันสมัยใหม่ๆ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนหากเกิดภัยพิบัติจนระบบต่างๆ ล่มเช่นนั้นหรือ
คิดถอยหลัง แทนที่จะคิดไปข้างหน้า และคิดถึงระบบสื่อสารที่สอดคล้องกับสิ่งที่มีอยู่แล้วในมือของคนส่วนใหญ่!
ทั้งหลายทั้งปวง เรื่องนี้ไม่ใช่มาโต้เถียงว่า วิทยุทรานซิสเตอร์ยังมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์
แน่นอนว่า ทรานซิสเตอร์ยังใช้ได้ มีประโยชน์อยู่แล้ว
แต่ไม่สอดคล้องกับวิถีของคนส่วนใหญ่ที่เขาเลิกใช้วิทยุ เลิกใช้โทรทัศน์ไปแล้ว
และเหนืออื่นใด ประเด็นสำคัญคือวิสัยทัศน์ของผู้นำรัฐบาล
อุตส่าห์รอดคดี 8 ปี กลับมาเป็นนายกฯ แต่เดินถือวิทยุทรานซิสเตอร์มาด้วย
แถมบอกด้วยว่า จำได้ว่าเคยใช้ในปี 2554
ทั้งที่ตอนนี้ ยุคดิจิตอล 5 จีแล้ว!
วงค์ ตาวัน