ข่วใหญ่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สั่นสะเทือนแวดวงราชการ สะท้านการทุจริตคอร์รัปชั่น จากการจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ในข้อกล่าวหา เรียกรับเงินการแต่งตั้ง โยกย้าย แถมยังเรียกรับส่วยรายเดือนจากหน่วยงานในสังกัด

ข้าราชการระดับอธิบดี จึงไม่ใช่เล่นๆ แถมเป็นกรมใหญ่โตระดับเกรดเอ โดนจับคาห้องทำงาน ค้นของกลางภายในห้อง เจอเงินเป็นซองๆ รวมแล้วถึง 5 ล้านบาท

ประชาชนทั่วไป ฟังแล้วตื่นตะลึง ว่ามีเรื่องทุจริตกันแบบนี้ มีระบบอย่างนี้กันด้วยหรือ

แต่ถ้าถามคนในวงราชการ เป็นรู้กันดีว่า เป็นระบบเลวร้ายที่มีมายาวนาน มีในแทบทุกหน่วยงานใหญ่ๆ ที่มีอำนาจ กว้างขวาง

เฉพาะกรมอุทยานที่เกิดเรื่องนี้ คงไม่ใช่เพิ่งมามีในยุคอธิบดีคนนี้กระมัง

กระนั้นก็ตาม นี่ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหา ซึ่งอธิบดี ที่ถูกจับ ยังยืนยันปฏิเสธ ต่อสู้ว่าไม่รู้ไม่เห็น และมีปัญหาขัดแย้งกับบางคน เลยเกิดการกล่าวหาดังกล่าว!

อธิบดีรายนี้ จะผิดจริงหรือไม่ ยังต้องรอดูผลการสอบสวนและการดำเนินคดีต่อไป ยังต้องพิสูจน์กันอีกหลายขั้นตอน

เพียงแต่การตัดสินใจจับกุมของป.ป.ช. และตำรวจบก.ปปป. คงผ่านการตรวจสอบพยานหลักฐานจนเชื่อว่ามีมูลพอ ยิ่งเป็นข้าราชการระดับนี้ ต้องทำอย่างรอบคอบ








Advertisement

เรื่องนี้จึงเป็น 2 กรณี คือการดำเนินคดีกับอธิบดีที่ถูกจับกุม และความจริงของระบบเรียกรับเงินในกรมอุทยาน ซึ่งควรจะต้องสะสางครั้งใหญ่!

สมมติว่า ถ้ามีระบบเลวร้ายเช่นนี้มาหลายยุค จะต้องมีการแก้อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ไม่ใช่แค่เล่นงานกันเพื่อเปลี่ยนตัวอธิบดี เพราะเป็นคน ละกลุ่มคนละขั้ว แล้วระบบเลวร้ายก็ยังดำเนินต่อไป

ขณะเดียวกัน ต้องสาวลึกไปอีกว่า เรื่องที่เกิด เป็นเพราะมีการเพิ่มเปอร์เซ็นต์เรียกเงิน จนทำให้ข้าราชการทนไม่ไหวนั้น

แล้วทำไมจึงมีการปรับตัวเลขเพิ่ม มีใครที่เหนือกว่ากดดันมาหรือไม่

ที่น่าสนใจอีกอย่าง หลังเกิดเหตุเป็นข่าวอื้อฉาว มีคำสั่งย้ายด่วนอธิบดีรายนี้ ให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ เพื่อเปิดทางการสอบสวน ลงนามโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

จนสื่อขึ้นหัวข่าวว่านายกฯ เซ็นคำสั่ง แบบตัดหน้ารัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ

ทั้งที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงต้องดำเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว แต่เหตุใดนายกฯ จึงใจร้อนเซ็นสั่งเอง

อาจเพราะเป็นข้าราชการระดับสูง เป็นเรื่องข้อหาทุจริต เกรงกระทบภาพพจน์รัฐบาล

แต่พอมีการเปิดประวัติอธิบดี มีพี่ชายเป็นนายทหารเพื่อนร่วมรุ่นพล.อ.ประยุทธ์ แถมเคยเป็นหัวหน้าสำนักงานผบ.ทบ.อีกด้วย

จึงเข้าใจได้ทันที เหตุที่นายกฯ ต้องชิงสั่งย้าย ทั้งเพื่อแสดงความจริงจัง และเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว!!

คดีนี้จึงเป็นข่าวใหญ่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่ต้องรอดูผลคดีต่อไป

รวมทั้งเตรียมล้างหูรอฟังการขุดคุ้ยของฝ่ายค้านในสภา เป็นอีกเรื่องที่น่าหนักใจแทนนายกฯ อย่างยิ่ง!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน