มีคำกล่าวมายาวนาน บอกว่าถ้าบ้านเมืองเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง คนไม่มีกินเมื่อไหร่ โจรผู้ร้ายจะเต็มเมือง เพราะคนปกติธรรมดาที่ไม่มีทางออก หน้ามืดตามัว ก็จะหันไปฉกชิงวิ่งราวทรัพย์กับเขาด้วย

แน่นอนว่าในยุคเศรษฐกิจดีๆ ยังไงโจรผู้ร้ายก็มี แต่ถ้าความอดอยากแผ่กว้างไปทั่ว คนที่ไม่เคยคิด ถ้าคิดสั้นก็จะหันหน้ามาเป็นผู้ร้าย

เหมือนในยุคปัจจุบัน ตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่เห็นๆ คือ คดีชิงทรัพย์ร้านทองเกิดขึ้นถี่ยิบ

แต่ที่หนักกว่านั้นคือ อาชญากรรมออนไลน์

จริงอยู่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีฐานอยู่ในต่างประเทศ มีนายทุนต่างชาติ

แต่ก็มีคนไทยที่ไปรับจ้างทำงานให้มากมาย มีชาวบ้านรับจ้างเปิดบัญชีม้าไปทั่วเมือง เพราะความยากจนเป็นส่วนผลักดัน!!

แก๊งมิจฉาชีพ มีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เมื่อเข้ายุคดิจิตอล ผู้คนมีชีวิตอยู่กับออนไลน์ อยู่กับมือถือ โจรไซเบอร์ก็ถือกำเนิดขึ้นมา

หลายปีมานี้ คนไทยจึงกลายเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งหลอกลวงออนไลน์ สูญเสียทรัพย์สินไปมหาศาล

ที่สำคัญคนไทยที่ไม่มีงานทำ หนี้สินรุงรัง ตัดสินใจไปทำงานให้แก๊งโจรออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก!

ตำรวจไซเบอร์เคยบุกทลายรังคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าอาคารใหญ่ๆ ทั้งตึกคือสำนักงานอาชญากรรมอินเตอร์เน็ต แต่ละชั้นแบ่งงานเป็นคนละแผนกคนละฝ่าย

โดยคอลเซ็นเตอร์ที่โทร.มาล้วงเงินไปจากเรา ล้วนต้องใช้คนไทยไปทำงานให้!

พูดง่ายๆ ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อย ที่เริ่มจนตรอก แทนที่จะฉกชิงวิ่งราวขนยา ก็ไปทำงานคอลเซ็นเตอร์แทน ทันสมัยกว่า ปลอดภัยกว่า มีเงินทองมากกว่า

รวมไปถึงรับจ้างเปิดบัญชีม้า ซึ่งพบว่าเป็นชาวบ้านยากจนเป็นส่วนใหญ่

ตามชุมชนต่างๆ ตามหมู่บ้านต่างๆ ในชนบท จะมีนายหน้าไปติดต่อ ให้เงินสดๆ แลกกับการยอมเปิดบัญชีให้

คนกำลังอดอยากปากแห้ง ก็ยอมคิดสั้นๆ รับเงินสดพร้อมกับเปิดบัญชีม้า!

ดังนั้น คนรับจ้างเปิดบัญชีม้า จึงมีมากมายไปทั่วบ้านทั่วเมือง รู้ทั้งรู้แต่ก็ยอม เพราะนาทีตัดสินใจนั้น ไม่มีจะกิน

แน่นอนว่า อาชญากรรมทุกประเภทเป็นเรื่องเลวร้าย ต้องสืบจับปราบปราม

เพียงแต่คนไทยเราจะไม่แห่กันไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ จะไม่ยอมเปิดบัญชีม้ากันแบบยกหมู่บ้าน เปิดไปทั่วประเทศ

ถ้าเศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่านี้

ที่ผ่านมารัฐบาลถูกโจมตีหนักว่า ปล่อยให้โจรออนไลน์คุกคามคนไทยรุนแรง

แต่พูดอีกด้าน ถ้ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจให้ดี คนมีรายได้มีอนาคต คดีประเภทนี้จะลดน้อยลงไปทันตา!!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน